Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์9 มิถุนายน 2551
เปิดกระเป๋านับเม็ดเงินธุรกิจประกันชีวิตไตรมาสแรกขยายตัวสวนทางเศรษฐกิจ             
 


   
www resources

โฮมเพจ เมืองไทยประกันชีวิต

   
search resources

เมืองไทยประกันชีวิต, บจก.
สาระ ล่ำซำ
Insurance




แง้มกระเป๋าธุรกิจประกันชีวิตไตรมาสแรก นับเม็ดเงินขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.69% มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 51,201.2 ล้านบาท ขณะที่ เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ อยู่ที่ 14,704.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.75% สวนทิศเศรษฐกิจชะลอตัว เหตุผลปัจจัยหลักมากจากธุรกิจประกันชีวิตโดยรวมได้ปรับโฉมเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ โดยเน้นกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ดึงดูดใจลูกค้าและ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆให้ตรงกับความต้องการ

ทุกวันนี้อัตราการแข่งขันในธุรกิจประกันชีวิตยังคงแข็งขันกันสูง แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้อก็ตาม แต่ผลประกอบการโดยรวมโดยเฉพาะในไตรมาสแรก ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 50 นับว่าการแข่งขันที่รุนแรงทำให้บริษัทประกันชีวิตหลายแห่งเร่งปรับตัวใหม่ โดยเฉพาะบริษัทที่แบรนด์ยังไม่ติดตลาดและรู้จักในวงกว้าง

สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ เมืองไทยประกันชีวิต บอกว่า ผลประกอบการในส่วนของบริษัทที่ดีขึ้นนั้นมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ซึ่งแต่ละส่วนล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่างช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งจากตัวแทนขาย แบงก์แอสชัวรันส์ ไดเรคมาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น ซึ่งความหลากหลายในช่องทางจำหน่ายทำให้สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ

นอกจากนี้ สินค้าที่หลากหลาย และมีการพัฒนารูปแบบให้ตรงกับความต้องการอยู่เสมอก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสินค้าที่ออกมาสู่ตลาดถ้าพูดถึงความแตกต่างอาจมีไม่มาก ดังนั้นอีกกลยุทธ์ที่จะสามารถดึงความสนใจของลูกค้าได้คือ กลยุทธ์ทางการตลาดในส่วนของกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ซึ่งในส่วนนี้นอกจากเป็นสีสันที่สร้างความต่างให้กับบริษัท ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกทำประกันชีวิตกับบริษัทนั้นๆด้วย

กิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ ในภาพรวมของธุรกิจนับว่าทุกบริษัทให้ความสำคัญ แต่สีสันและความหวือหวาในตัวกิจกรรมนั้น ต้องยอมรับว่าเมืองไทยประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่โดดเด่นในด้านนี้ โดยเฉพาะ ลูกค้าที่สมัครบัตรสมาชิกเมืองไทย Smile Club จะได้รับสิทธิพิเศษก่อนด้วยแนวคิด “บัตรแห่งความสุขที่แท้จริงของคนหัวคิดทันสมัย”

สาระ บอกว่า นอกเหนือจากนี้ ในเรื่องของกิจกรรมเพื่อสังคมก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลัษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท แต่มากกว่านั้นคือ บริษัทได้มีโอกาสที่จะอธิบายและทำความเข้าใจว่าประกันชีวิตคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ดังนั้นกิจกรรมทางสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่นอกเหนือจากการช่วยเหลือสังคม กรสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันชีวิตโดยรวมด้วย

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรก มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปี 50 ที่มีเบี้ยปีแรกอยู่ที่ 1,158 ล้านบาท ขยายตัว 29% ขณะที่เบี้ยประกันภัยต่ออายุ อยู่ที่ 2,335 ล้านบาท ขยายตัวจากปี 50 ไตรมาสเดียวกัน ซึ่งผลิตเบี้ยได้ 1,719 ล้านบาท ขยายตัว 36% ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปี 50 ไตรมาสเดียวกัน ที่ 2,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น33%

ขณะที่ “ไทยประกันชีวิต” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรก ว่า สามารถผลิตเบี้ยประกันรับที่เกิดจากธุรกิจใหม่ได้ 1,666 ล้านบาท โดยเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก (คำนวณเบี้ยประกันชำระครั้งเดียวตามสัดส่วน) 1,350 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% เบี้ยประกันรับปีต่อไป 5,330 ล้านบาท เติบโต 8% เบี้ยประกันรับรวม 7,115 ล้านบาท เติบโต 9%

ทั้งนี้ บุคลากรฝ่ายขายของบริษัทฯ สามารถผลิตกรมธรรม์ใหม่ได้ทั้งสิ้น 130,897 กรมธรรม์ แบ่งเป็นสายการตลาดนครหลวง 21,437 กรมธรรม์ สายการตลาดภูมิภาค 109,460 กรมธรรม์ ขณะเดียวกันบุคลากรฝ่ายขายทุกระดับสามารถผลิตเบี้ยปีแรกต่อเดือนได้สูงกว่าประสิทธิภาพการผลิตเบี้ยประกันรับปีแรกต่อเดือนของปี 2550

โดยผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากบริษัทฯ ออกภาพยนตร์โฆษณา นำเสนอบริการไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ ซึ่งเป็นบริการฉุกเฉินทางการแพทย์และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นบริการที่แตกต่างจากบริษัทประกันชีวิตอื่น ตามวิสัยทัศน์การเป็นมากกว่าการประกันชีวิต ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่สำคัญเอื้อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกไทยประกันชีวิตในการดูแลชีวิต รวมถึงการออกแบบกรมธรรม์สนองความต้องการของลูกค้า อาทิ กรมธรรม์คุ้มทวี สำหรับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย โดยเป็นกรมธรรม์แบบชำระเบี้ยรายเดือน กรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 สำหรับผู้มีเงินออม และต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า

ส่วน “ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ ประกันชีวิต” ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2551) มีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 3,828 ล้าน บาท เติบโตเพิ่มขึ้น 19% ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดด้านเบี้ยรับรวมของบริษัทขยับขึ้นสู่อันดับ 3 ในธุรกิจ มีเบี้ยปีแรกจากทุกช่องทางการขายทั้งสิ้น 1,805 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 25.19% โดยสายงานตัวแทน มีการเติบโตสูงสุด ทำเบี้ยปีแรกได้ 204 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 60% และคิดเป็นสัดส่วน 11.3% ของเบี้ยปีแรกทั้งหมดของบริษัท ขณะที่สายงานแบงก์แอสชัวรันส์ มีเบี้ยปีแรกสูงที่สุด 1,469 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81.38% และสายงานประกันชีวิตธุรกิจเฉพาะ มีเบี้ยปีแรก 132 ล้าน บาท คิดเป็นสัดส่วน 11.3% ส่วนการสร้างตัวแทนใหม่ (New Code) ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างได้เกือบ 900 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 163% คิดเป็นสัดส่วน 30% ของเป้าหมายรวมทั้งปีที่จะเพิ่มตัวแทนใหม่อีก 3,000 คน

ด้าน “แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย)” เปิดเผยถึงผลประกอบการว่า ยอดเบี้ยประกันสูงกว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนถึง 88%เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทนที่มีสัญญาจาก 350 คนเป็น 530 คน และมีการเปิดช่องทางการจำหน่ายใหม่โดยใช้เทเลมาร์เก็ตติ้งรวมทั้งการนำโปรแกรมการฝึกอบรมตัวแทนเต็มเวลา SMT (Sales Management Training ) มาใช้ ซึ่งมีผลเป็นที่น่าพอใจ ส่วนสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสิ้นสุดไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 150 %เมื่อเทียบกับปี 2550

สำหรับทั้งภาคธุรกิจอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรวมของธุรกิจประกันชีวิตในไตรมาสแรกปี 2551 คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2551 มีอัตราที่น่าพึงพอใจ เนื่องจาก อัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.69% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 51,201.2 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ จำนวน 14,704.8 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระยะเดียวกันเพิ่มขึ้น 13.75% รวมกับเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจำนวน 36,496.4 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.68% ขณะที่อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในปีต่อไปอยู่ในระดับที่ดีและคงที่ 85% เบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาสแรก มีทั้งสิ้น 51,201.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเดียวกันซึ่งมี 45,032.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,163.1 ล้านบาท หรือเพิ่ม 13.69%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us