|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.วรรณ มั่นใจหุ้นสหรัฐถึงจุดฟื้นตัวหลังถูกกับดักซับไพร์มฉุดมานาน ออกกองทุนลงหุ้นเน้นๆ 15 ตัว เล็งไม่ถึง 2 ปีสร้างผลตอบแทนได้ 20%
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)วรรณ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดเสนอขาย "กองทุนเปิดวรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ (1US-OPP)" ซึ่งมีลักษณะเป็นทาร์เก็ตฟันด์ มูลค่ากองทุน 1,600 ล้านบาท เปิดขายถึงวันที่ 11 มิถุนายน.2551
นโยบายการลงทุนของกองนี้จะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาขณะใดขณะหนึ่งเพียง 15 ตัวเท่านั้น โดยให้น้ำหนักหุ้นแต่ละบริษัทเท่าๆกันที่ 7% ซึ่งจะเน้นกลยุทธ์การเลือกหุ้นรายวันในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤติซับไพร์ม
กองทุนนี้ถือเป็นการนำเสนอแนวคิดในการลงทุนแบบที่คิดต่าง เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐที่มีอยู่ในขณะนี้ เหมาะสมกับผู้ที่สามารถลงทุนในระยะปานกลางและรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้
โดยมองว่าช่วงนี้ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม ที่จะเข้าไปหาประโยชน์จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐในปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่นักลงทุนต่างชาติเคยเข้ามาลงทุน เพื่อหาประโยชน์จากเศรษฐกิจไทย ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 1997 เช่นเดียวกัน
กองทุน 1US-OPP จะเน้นลงทุนหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock) ทั้งในภาคการเงินและภาคการผลิตที่แท้จริง โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือในปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐมีระดับราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ลดลงมาเหลือประมาณ 15 เท่า ในขณะที่ก่อนวิกฤติซับไพร์มมีระดับ P/E สูงถึง 18-20 เท่า อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐยังอันเดอร์เพอร์ฟอร์มตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา
"กองทุนจะเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งระดับราคาได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น หุ้นของ Apple, Cltigroup, Goldman Sachs เป็นต้น อย่างหุ้นของ Citigroup ราคาได้ปรับตัวลงมาประมาณ 60% ในปีที่แล้ว ทั้งที่ธุรกิจของบริษัทเหล่านี้มีฐานรายได้อิงจากทั่วโลกไม่ได้อิงเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐเท่านั้น"
ทั้งที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของภาคการผลิตที่แท้จริงของสหรัฐเอง ไม่ได้ออกมาแย่เท่าไรนัก แต่ผลประกอบการที่เป็นลบของบริษัทในภาคสถาบันการเงิน ทำให้ภาพการเติบโตของกำไรโดยรวมตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงมา ซึ่งราคาของหุ้นในภาคการผลิตที่แท้จริง ยังไม่ได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทเหล่านี้
มองว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับคนไทยที่จะมีโอกาสพลิกวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาให้เป็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐกับบริษัทชั้นนำของโลกที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับพื้นฐานของราคาหุ้นที่เหมาะสมกับการลงทุน
"การเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นในสหรัฐตอนนี้ของกองทุน 1US-OPP เป็นช่วงที่เหมาะสม ถ้าออกหลังจากนี้ไปอาจช้าเกินไป เพราะหลังจากเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว มีโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐจะขึ้นภาษี หรือขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้คนออกมาซื้อบ้านหลังจากที่ชะลอการตัดสินใจมาในช่วงที่ดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ช่วงขาลง เพราะเฟดส่งสัญญาณแล้วว่า มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยได้ จึงเชื่อว่ากองทุนนี้มีโอกาสสูงที่จะทำผลตอบแทนถึงเป้า 20% ได้ก่อน 2 ปี "
|
|
|
|
|