หุ้นค้าปลีกพื้นฐานดี ไม่ระคายพิษดัชนีรูดกราว โบรกเชียร์ซื้อ ทั้ง บิ๊กซี, โฮมโปร, ซีพีออล์ มีศักยภาพ กำลังซื้อ-กำไร-สาขา เติบโตต่อเนื่อง แม้ไตรมาส2 จะมีฝนตกเป็นอุปสรรค แต่เชื่อกำไรยังโตกว่าปีก่อน
ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่นำโดยหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ทำให้นักลงทุนหลายรายใจหายใจคว่ำไปตามๆกัน แต่หากสังเกตดูราคาของหุ้นกลุ่มค้าปลีกแล้วจะพบว่าแทบจะได้รับผลกระทบเลย เนื่องจากพื้นฐานยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเป็น Growth Stock ทั้งจากด้านยอดขายและการเปิดสาขาใหม่ ตามตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดที่ได้รับอานิสงค์จากการที่สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นส่งผลให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ยูไนเต็ด ประเมินว่า หุ้นในกลุ่มค้าปลีกมีความน่าสนใจทุกตัวโดยเฉพาะ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ถือเป็น Top Picks เนื่องจากการเติบโตในปีนี้ BIGC มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม 12 สาขา จากเดิมจะขยายสาขาเพิ่ม 8 สาขา ส่งผลให้กำไรในปีนี้โต 17% หรือประมาณ 2,900 ล้านบาท จึงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 63.79บาท
ขณะที่ปี 2552 กำไรจะโตถึง 18%ขณะที่รายได้น่าจะประมาณ 68,000 ล้านบาทหรือเติบโต 10% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยจากความสำเร็จ การทำการตลาดและสภาวะทางเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่งผลให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าไตรมาส 2 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนทำให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายน้อยลง
ขณะที่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ก็จัดว่ามีศักยภาพการเติบโตไม่น้อย จากการตัดขาดทุนโลตัสจีน และการขยายสาขาในประเทศ 400-450 สาขา จึงแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 13.24บาท รวมถึงการส่งเสริมทางการตลาดในการออกโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ร้านสะดวกซื้อโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามโลตัสจีนก็เริ่มฟื้น จากการควบคุมต้นทุน และผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่มากขึ้น ส่งผลให้มีการขาดทุนลดลง ขณะที่ปีนี้คาดว่ากำไรเติบโต 22% หรือ 1,780 ล้านบาท ส่วนรายได้เติบโต 9% หรือ 12,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นประมาณการที่อยู่บนสมมติฐานที่โลตัสจีนถูกขายไปในปลายปีนี้
สำหรับ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7 บาท จากการขยายสาขา 4 แห่งในปีนี้ ในไตรมาส 1 ขยายไปแล้ว 2 สาขา ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้ประมาณ 18,000ล้านบาท หรือเติบโต 15% และกำไรเติบโตประมาณ 800 ล้านบาท หรือ 13%
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก บล. กิมเอ็ง มองว่า ปี 2551 ธุรกิจกลุ่มค้าปลีกน่าจะเติบโตอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี จากนโยบายฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของภาครัฐบาล ซึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเติบโตเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยเชิงบวกกับธุรกิจกลุ่มค้าปลีก และทำให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2551 ออกมาเติบโตเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับในปีนี้ธุรกิจกลุ่มค้าปลีกจะเติบโตจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 4% รวมถึงมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นน่าจะช่วยทำให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก
หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ค่อนข้างเติบโตโดดเด่น แนะนำ BIGC, HMPRO และ CPALL เนื่องจากผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2551 ยังเติบโตอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะ BIGC ซึ่งมีผลประกอบการไตรมาส 1/2551 ค่อนข้างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 767.14 ล้านบาท เติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 673 ล้านบาท
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา BIGC มีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 12 สาขา จากเดิมตั้งไว้ที่ 8 สาขา ส่งผลให้ BIG มีสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 66 สาขา และปี 2552 มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวน่าจะเติบโตสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน
BIGC เป็นบริษัทที่ค่อนข้างมีผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกเติบโตสดใส เพราะการเร่งขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึง 12 แห่ง บวกกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงกำลังซื้อของประชาชนก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องภาวะเงินเฟ้อเข้ามา แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เพราะที่ผ่านมาตัวเลขกำไรและรายได้ในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2551 น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
|