|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โรงกลั่นไม่ยี่หระลดค่ากลั่น 3บาท/ลิตร 6 เดือนไม่กระทบ “ปธ.กลุ่มโรงกลั่น” ยืนยันขาดทุนแค่ 4 สต./ลิตร แนวโน้มระยะยาวน่าห่วงเหตุค่าการกลั่นมีโอกาสลดลง ขณะที่กลุ่มปิโตรฯสายน้ำมันกระอักต้นทุนพุ่ง “PTTAR-IRPC” รับภาระหนัก ส่วน PTTCH ลอยตัว! ด้านการลงทุน “ส.อ.ท.” การันตีไทยยังน่าสนใจรอเพียงการเมืองนิ่ง-เซาท์เทิร์นซีบอร์ดเกิด โบรกเกอร์ชี้หุ้นโรงกลั่น TOP โดดเด่นจากผลกระทบค่าการกลั่นน้อยที่สุด ขณะที่ปิโตรฯต้อง PTTCH
ในที่สุดแล้วทั้งปตท.และเอกชนรายใหญ่ในประเทศก็ยอมลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทเป็นเวลา 6 เดือนซึ่งมีผล ตั้งแต่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมาตามคำ“ร้องขอ”ของกระทรวงพลังงานหรือจะเรียกว่า “บีบคอ” ก็ตาม เพื่อให้กลุ่มเรือประมง เกษตรกร และกลุ่มรถโดยสารวมทั้งรถขสมก.และรถร่วมขสมก.กว่า 14,000 คันทั่วกรุงเทพฯอยู่รอดได้ในภาวะวิกฤติน้ำมันในช่วงนี้ และมีเวลาพอที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆที่มีราคาถูกกว่า
อย่างไรก็ดีการลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลจะมีผลต่อกลุ่มธุรกิจพลังงานทั้งระบบหรือไม่ เพราะนี่ถือว่าเป็นโอกาสทองของกลุ่มพลังงานที่จะทำกำไรอย่างงาม รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างกลุ่มปิโตรเคมีที่ต้นปีมีแนวโน้มสดใส ปัจจุบันกลับดูเหมือนว่าจะสะดุดเสียแล้วเพราะราคาน้ำมันที่พุ่งต้นทำให้ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้แนฟธา (Naphtha) มาผลิตปริโตเคมีคือ PTTAR , IRPC ซึ่งกลุ่มที่ใช้ liquid base หรือ แนฟธาในการผลิตจะมีภาระหนักสุด ขณะที่อีกกลุ่ม Gas base คือเอาแก๊สธรรมชาติที่ขุดเจาะได้ในประเทศและต่างประเทศมาผลิตทำปิโตรเคมีธุรกิจผู้นำประเภทนี้คือ PTTCH เพียงรายเดียวในประเทศ
ขณะที่หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี/โรงกลั่นก็ดิ่งลงเพราะความเชื่อมั่นลดลงแม้ผลประกอบการไตรมาส 2 จะไม่ลดลงก็ตามแต่แนวโน้มระยะยาวครึ่งปีหลัง ค่าการกลั่นมีแนวโน้มที่ลดลงทำให้หุ้นกลุ่มโรงกลั่น และ ปิโตรฯไม่โดดเด่น
ยืนยัน “โรงกลั่น” ไม่กระทบ
“ชายน้อย เผื่อนโกสุม” ประธานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และในฐานะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นจำกัด(มหาชน)(บมจ.)หรือ PTTAR อธิบายว่า การลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรที่ผ่านมา (3มิ.ย.) ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารของทุกโรงกลั่นแล้วว่าเป็นการทำธุรกิจที่เหมาะสมที่บริษัทเอกชนจะเข้ามาช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนหากหากผู้ประกอบการภาคขนส่งหยุดให้บริการ ภาคเกษตรกรและประมงไม่มีรายได้พอจะที่เติมน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันด้วย จากนี้ไปคงต้องทำหนังสือไปชี้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อชี้แจ้งกับผู้ถือหุ้นให้ทราบถึงการดำเนินงานที่สำคัญ
“ผลกระทบที่เกิดขึ้นแค่ 4 สตางค์/ลิตรและการช่วยเหลือก็ดำเนินการเพียง 6 เดือนเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อโรงกลั่นแต่อย่างใด” เอ็มดี PTTAR กล่าวยืนยันอีกว่า ในไตรมาสที่ 3-4 สถานการณ์ราคาน้ำมันน่าจะชะลอตัวลงและกลับสู่ภาวะปกติเนื่องจากการเก็งกำไรลดลงและกีฬาโอลิมปิกแข่งขันเสร็จสิ้น
หุ้นโรงกลั่น TOP โดดเด่น
ขณะที่นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงกลั่นจาก บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า มาตรการลดค่าการกลั่นจะสิ้นสุดลงในเดือน พ.ย. หรือเป็นระยะเวลา 6 เดือนโดยผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวต่อโรงกลั่นแต่ละรายจะขึ้นอยู่กับค่าสัดส่วนผลิตภัณฑ์ กำลังการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตของแต่ละแห่ง โรงกลั่นทั้ง 4 แห่งประกอบด้วย TOP, PTTAR, IRPC และ BCP ผลิตน้ำมันดีเซล 1.3 พันล้านลิตรต่อเดือน
“น้ำมันดีเซลที่ใช้ในโครงการนี้คิดเป็นเพียง 9.4% ของปริมาณการผลิตรวมและผลกระทบรวมจากโครงการดังกล่าวจึงมีเพียง 2.2 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 7พันล้านบาท”
บล.เคจีไอ กล่าวอีกว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นลบน้อยลงสำหรับโรงกลั่นทั้ง 4 แห่งรวมถึง PTT หลังจากที่ราคาหุ้นของทุกบริษัทปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วโดย TOP, PTTAR และ BCP ต่างให้ข่าวว่าทุกบริษัทพร้อมสนับสนุนไม่เกิน 920 ล้านบาท, 600 ล้านบาทและ 261 ล้านบาทตามลำดับ และตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับประมาณการ ซึ่งคิดจากกำลังการผลิตและ Product Yield ของแต่ละโรงกลั่น สมมติว่าภาระดังกล่าวถูกแบ่งให้กับโรงกลั่นโดยคิดจากกำลังการผลิตดีเซลของแต่ละแห่ง ผลกระทบต่อกำไรสุทธิจะอยู่ในช่วง 4.5% ถึง 16.3% ของประมาณการในปี 2551 โดย TOP จะได้ผลกระทบน้อยที่สุดหรือเพียง 4.5% ของประมาณการในปี 2551 ในขณะที่ BCP จะได้รับผลกระทบสูงสุดจากนโยบายดังกล่าวถึง 16.3% ของประมาณการกำไรของตลาดในปี 2551 เนื่องจากบริษัทฯ เป็นโรงกลั่นแบบพื้นฐาน
PTTCH ไม่กระทบราคาน้ำมันพุ่ง.!
ขณะที่แหล่งข่าวจากแวดวงกลุ่มปิโตรเคมีระบุว่า จากภาวะที่น้ำมันแพงจะส่งผลกระทบต่อปิโตรเคมีแทบทุกตัวที่ใช้แนฟธา (Naphtha) ในการผลิตซึ่งในประเทศไทยมีเพียงโรงงานของ PTTCH เท่านั้นที่จะแก้ส (Gas base) และแนฟธาซึ่งหากแนฟธาร่วมกันได้แต่หากแนฟธานำเข้าแพงโรงงานของ PTTCH ก็สามารถสวิตซ์กลับไปใช้แก้สเพียงย่างเดียวก็ได้ PTTCH จึงไม่ได้รับผลระทบที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่บริษัทลูกทั้ง PTTAR และ IRPC ใช้แนฟธาในการผลิตซึ่ง 2 โรงงานดังกล่าวต้องนำเข้าแนฟธาในราคาที่สูงต้องได้รับผลกระทบไปเต็มๆ จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้
อย่างไรก็ดีเมื่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกลุ่มปิโตรเคมีต่างมีกำไรที่แย่ลงมากจนถึงขาดทุนต้นทุนในไตรมาส2 ตอนนี้กำลังพุ่งขึ้นดังนั้นไม่ต้องมองกลุ่มหุ้นปิโตรเคมีไปอีกพักใหญ่
PTTCH ลงทุนเพิ่มอีก 6 พันล้าน
ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่าในวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านคณะกรรมการ BOI ได้อนุมัติบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด ( มหาชน ) ได้รับการส่งเสริมลงทุนในกิจการผลิตไฟฟ้า 112.5 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 560 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,002ล้านบาท ตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองโดยใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งหมด
ส.อ.ท.ยันทุนนอกสนใจลงทุนปิโตรฯ
ด้าน“สันติ วิลาศสักดานนท์” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การลงทุนในกลุ่มปิโตรเคมีในบ้านเรายังถือว่าทรงตัว เพราะกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ก่อนการลงทุนต้องศึกษาให้ดี ซึ่งสภาวะปัจจุบันอาจจะดูเงียบๆไปบ้างแต่เท่าที่สอบถามสมาชิกในกลุ่มดังกล่าวกำลังรอดูสถานการณ์ทางการเมืองและราคาน้ำมันที่แพงในขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้ต้นปีมีนักลงทุนสนใจจำนวนมากจากนักลงทุนต่างประเทศ แต่เพราะพื้นที่ที่จำกัดทำให้มีการชะลอการลงทุนไปบ้างแต่เชื่อว่าหากการเมืองนิ่งเสถียรภาพทางการเมืองกลับมา จึงทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม รวมทั้งการเกิดเซาท์เทิร์นซีบอร์ดจะทำให้นักลงทุนหน้าใหม่สนใจลงทุนเพิ่มเติมได้
“กลุ่มปิโตรเคมีไม่ค่อยน่าห่วงเพราะกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพอยู่แล้วจึงทำให้เชื่อว่าการลงทุนกลุ่มปิโตรเคมีในเมืองไทยยังสดใสหากการเมืองนิ่งและเซาท์เทิร์นซีบอร์ดเปิดโครงการได้” ประธาน ส.อ.ท.ระบุ
|
|
|
|
|