|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ตื่นตัวรับมือเงินเฟ้อ-แบงก์ระดมเงินฝาก ค่ายทหารไทยโอด เอยูเอ็มทั้งปีอาจไม่เข้าเป้า 15% หลัง ECP ครบอายุดึงเงินหด แม้จะส่งกองบอนด์เกาหลีทดแทนแล้ว แต่ยังติดลบกว่า 2 พันล้าน "โชติกา" ระบุแบงก์ขึ้นดอกเบี้ย ไม่กระทบกองมันนี่มาร์เกต เหตุยิลด์วิ่งตามแถมยังสูงกว่า ด้านเอวายเอฟ มั่นใจเงินเฟ้อพุ่ง กองทุนรวมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเงินฝากที่ติดลบ 3% ยืนยันเป้าหมายเดิม สิ้นปีโกยเงินเข้าพอร์ตเอยูเอ็มแตะ 1 แสนล้าน
นางโชติกา สวนานนท ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้การเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบลจ.ทหารไทยอาจจะต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น 15% จากปลายปี 2550 ที่บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ประมาณ 130,000 ล้านบาท โดยในเดือนมิถุนายนบริษัทจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวและทำการเสนอให้แก่คณะกรรมการบริษัทอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ สาเหตุที่การเติบโตของเม็ดเงินลงทุนต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องมาจากช่วงต้นปีที่ผ่านมากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารของสถาบันการเงินในทวีปยุโรป (ECP) ของบริษัทได้ครบกำหนดอายุโครงการ ขณะเดียวกันธนาคารทหารไทยได้มีการระดมเงินฝาก รวมไปถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหาร ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวและความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้การเติบโตลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้
"ช่วงแรกเม็ดเงินลงทุนติดลบกว่า 8,000 ล้านบาท แต่ช่วงที่ผ่านมา บลจ.ได้มีการออกกองทุนในซีรีส์พันธบัตรเกาหลีใต้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ ทำให้เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมยอดเงินลงทุนเหลือติดลบเพียง 2,000 ล้านบาท และถ้าการขยายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท สามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ตามแผนงานที่วางไว้ก็อาจจะทำให้ยอดเม็ดเงินลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% เช่นเดียวกัน " นางโชติกากล่าว
นางโชติกา กล่าวว่า แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับตัวขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกองทุนตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) เนื่องมาจากกองทุนมันนี่มาร์เกตของบริษัทมีระยะเวลาการลงทุนที่สั้นทำให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนจากกองทุนมั่นนี้มาร์เกตไปฝากธนาคาร เนื่องมาจากปัจจุบันกองทุนมันนี่มาร์เกตยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าการฝากเงินรวมไปถึงเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ส่วนกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ก็ยังสามารรถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ด้านการออกกองทุน ETF พลังงานนั้น นางโชติกา กล่าวว่าปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนในการจัดตั้งรวมไปถึงการทำการตลาดและให้ความรู้แก่นักลงทุน โดยคาดว่าน่าจะสามารถออกจำหน่ายหน่วยลงทุนได้ภายในกำหนดเดิมคือสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ทำให้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าลงทุน
"ราคาหุ้นลงมาค่อนข้างเยอะ ให้เป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน และถ้าเราสามารถออกได้ก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง ก็จะเป็นช่วงที่ดีมาก ส่วนแผนโรดโชว์เราคงจะทำภายในประเทศก่อน" นางโชติกา กล่าว
AYFมั่นใจเป้าหมาย1แสนล้าน
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า ถึงแม้ในขณะนี้อัตราเงินเฟ้อในประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นและธนาคารพาณิชย์แห่ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินฝาก แต่บริษัทก็ไม่ได้ปรับเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสำหรับกองทุนรวมลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 1 แสนล้านบาทภายในปีนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงที่เงินเฟ้อสูงดังกล่าว กองทุนรวมจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้ลงทุนใช้เป็นช่องทางในการลงทุน เพื่อหาผลตอบแทนในระดับที่ใกล้เคียงหรือสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์จะจูงใจด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ถ้าเทียบกับเงินเฟ้อแล้วยังติดลบอยู่ค่อนข้างมากประมาณ 3% กว่าๆ
"จริงๆ แล้วอยากให้ผู้ลงทุนไทยเข้าใจการลงทุนมากๆ ซึ่งเงินเฟ้อที่ระดับ 7.6% ถือว่าสูงอยู่แล้ว แต่เดือนหน้าจะพุ่งขึ้นกว่านี้อีก ถ้าถามว่าจะลงทุนอะไรที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้่อได้ กองทุนรวมน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเงินฝากเองแม้จะปรับขึ้น แต่เงินเฟ้อก็ขยับขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ ที่เงินไหลเข้าระบบเงินฝากแต่ช่วงนั้น เงินเฟ้อไม่ได้สูงเท่าขณะนี้"นายฉัตรพีกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.เอวายเอฟ กล่าวว่า สำหรับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีนั้น ขณะนี้บริษัทเองก็กำลังอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนอายุ 3 เดือนและ 6 เดือนอยู่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี แต่หลังจากนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถมีกองทุนเกาหลีออกมาอีกหรือเปล่า เพราะต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยนปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนลดต่ำลง
"ภาพรวมของกองทุนเกาหลีตอนนี้ยังพอไปได้ แต่หลังจากนี้อาจจะมีให้เห็นน้อยลง หรืออาจจะออกยากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนนี้ บลจ.เองก็เริ่มหันมาออกกองทุนพันธบัตรในประเทศเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น"นายประภาสกล่าว
LUXFเทรดวันแรกต่ำจอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 มิ.ย.51) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ทหารไทย ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันแรก โดยเปิดตลาดราคาซื้อขายอยู่ที่ 10.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนที่ 10.00 บาท ก่อนจะขยับลงมาปิดที่ 9.85 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.5% หลังปิดการซื้อขาย ด้วยมูลค่า 2.99 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 805.58 จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ 1.44%
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทได้นำหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ มูลค่าโครงการ 1,965 ล้านบาท เข้าจดทะเบียนทำการซื้อขายในตลท. โดยใช้ชื่อย่อว่า "LUXF" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่นักลงทุน โดย LUXF เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนโดยการซื้อกรรมสิทธิ์ (Freehold) ของโครงการซิกส์เซ้นส์ไฮด์อะเวย์ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ของบริษัท โรงแรมป่าเกาะ จำกัด โดยกองทุนจะได้รับประโยชน์จากการให้เช่าทรัพย์สินแก่บริษัท อีเอชวาย จำกัด ซึ่งที่ถือหุ้นโดยบจ.โรงแรมป่าเกาะ 99% เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจะมีการต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปี หลังจากนั้นจะมีการต่อสัญญาเช่าอีกครั้งละ 3 ปี จำนวน 5 ครั้ง โดยอีเอชวายจะว่าจ้างให้เครือซิกส์เซ้นส์ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรมระดับโลกเป็นผู้บริหารโครงการ ซึ่งกองทุนจะได้รับค่าเช่าเป็น 3 ส่วนคือ ค่าเช่าอัตราคงที่ ค่าเช่าผันแปร และค่าเช่าแปรผันตามความสามารถของการบริหารงานในแต่ละปี
|
|
|
|
|