Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 มิถุนายน 2551
ค่าเช่าท่อล็อตแรก1.5พันล.             
 


   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas
สุทัย อุนนานนท์




"คลัง-ปตท." บรรลุข้อตกลงจ่ายค่าเช่าท่อก๊าซหลังศาลปกครองพิพากษาให้โอนคืนกรมธนารักษ์ พร้อมจ่ายค่าเช่าย้อนหลังตั้งแต่ปี 44-50 รวมดอกเบี้ย 1.5 พันล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาเช่าต่อ 30 ปี จนถึงปี 80 ระบุค่าเช่าเฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 550 ล้านบาทตามสูตรคำนวณเดิม เตรียมรายงานศาลปกครองพิจารณาว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งเรียบรอยหรือยัง

นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยภายหลังลงนามในสัญญาให้ใช้ที่ราชพัสดุที่แบ่งแยกให้กระทรวงการคลังในการดำเนินกิจการของ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) PTT โดยมีค่าตอบแทนว่า สืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ให้ปตท.แบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่ดินของเอกชนเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมถึงทรัพย์สินที่ประกอบกันเป็นระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อให้แก่กระทรวงการคลัง โดยให้ปตท.ยังคงมีสิทธิใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าวต่อไป แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนทรัพย์สินส่วนที่ได้แบ่งแยกมาแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลังจึงร่วมกับปตท. ลงนามสัญญาเพื่อให้ปตท.ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551-31 ธันวาคม 2580 ซึ่งปตท.จะต้องชำระค่าตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2544-31 ธันวาคม 2550 เป็นเงิน 1,330 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5%ต่อปี จำนวน 266 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,596 ล้านบาท ซึ่งค่าตอบแทนส่วนนี้คำนวณจากส่วนแบ่งรายได้จากค่าผ่านท่อ โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ปีละ 180 ล้านบาท และไม่เกิน 550 ล้านบาทต่อปี

สำหรับทรัพย์สินจากการแบ่งแยกและส่งมอบให้กระทรวงการคลังมีดังนี้ ที่ดินจากการเวนคืนเนื้อที่ 32 ไร่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มูลค่าสุทธิทางบัญชีเมื่อ 30 กันยายน 2544 รวม 1 ล้านบาท สิทธิการใช้ที่ดินเอกชนเพื่อวางระบบท่อซึ่งปตท.ช่วงเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยใช้อำนาจมหาชนของรัฐเหนือที่ดินเอกชนบังคับมา มีมูลค่าทางบัญชีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2544 รวม 1,137 ล้านบาท ทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อส่งก๊าซ(ท่อหลัก)รวม 14,808 ล้านบาท และทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อจำหน่ายก๊าซ(ท่อย่อย) อีก 229 ล้านบาท รวมแล้ว 16,175 ล้านบาท

ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ภายหลังจากชำระค่าตอบแทนย้อนหลังให้กระทรวงการคลังในครั้งนี้ 1,596 ล้านบาทแล้ว จากนี้ทุกปี ปตท.จะต้องจ่ายค่าเช่าจากการใช้ที่ดินและท่อ ซึ่งคาดปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท โดยจะชำระในวันสิ้นปี ต่อจากนั้นทุกปีก็จะชำระค่าเช่าซึ่งเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ไม่ต่ำกว่านี้ แต่จะไม่เกิน 550 ล้านบาท

"ปตท.จะจ่ายค่าเช่าเฉพาะทรัพย์สินตามที่ศาลสั่งคือในส่วนที่เวนคืนจากเอกชน และส่วนที่รอนสิทธิมา ส่วนที่ดินที่ขออนุญาตจากรัฐ เช่น พื้นที่วางท่อก๊าซผ่านพื้นที่ป่าทองผาภูมิหรือผ่านทะเล ปตท.ไม่ต้องเช่า เพราะถือว่าตอนขออนุญาตวางท่อมีสัญญาว่าปตท.มีสิทธิใช้ ซึ่งจากนี้ปตท.จะต้องรายงานข้อมูลการโอนและชำระเงินทั้งหมดต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาความถูกต้องต่อไป" นายประเสริฐกล่าว

สำหรับการประเมินมูลค่ารายการตามสัญญาดังกล่าว ใช้วิธีมูลค่ารวมตามมูลค่า ณ ปัจจุบัน (Net Present Value) ในอัตราส่วนลดที่ 8.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สมเหตุสมผลและสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบัน เพราะเป็นอัตราเดียวกับอัตราผลตอบแทนการลงทุนใหม่ (Return on Invested Capital) ในกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 5,904 ล้านบาทสำหรับค่าใช้สินทรัพย์ตลอดระยะเวลา 30 ปีหรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 7,473 ล้านบาทหากรวมค่าใช้ทรัพย์สินย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2550 รวมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี จำนวนประมาณ 1,596 ล้านบาท

ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เมื่อปตท.ส่งรายงานต่อศาลแล้ว ศาลจะพิจารณาว่าการคืนและมูลค่าทรัพย์สินที่โอนให้มานั้นครบถ้วนตามคำพิพากษาหรือไม่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us