|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“เซฟ-ที-คัท” ซุ่มเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ หวังระดมทุนขยายกิจการ ไลน์สินค้า ตลาดต่างประเทศ มั่นใจตลาดเครื่องตัดไฟอัติโนมัติยังมีโอกาสอีกมาก เหตุคนไทยใช้แค่ 6% เท่านั้นตอนนี้ จากประชากรมากกว่า 60 ล้านคน พร้อมปรับราคา 10% เดือนที่แล้วรับต้นทุนพุ่ง
นายชวาล โสตถิวันวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เซฟ-ที-คัท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Mai ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษารายละเอียดต่างๆ โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะขยายกิจการบริษัทฯ รวมทั้งการขยายกำลังผลิตและขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วย รวมไปถึงการขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
ในปีที่แล้วตลาดรวมผลิตภัณธฑ์เครื่องตัดไฟอัติโนมัติทั้งหมดโดยรวมมีการเติบโต 8% เมื่อเทียบกับปี 2550 ขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดมากกว่า 80% ทิ้งห่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างมาก และเมื่อถึงอนาคตของตลาดเครื่องตัดไฟอัติโนมัติแล้วมีโอกาสอีกมา เพราะเมืองไทยมีปริมาณการใช้ขณะนี้แค่ 6% เท่านั้นจากจำนวนประชากรทั้งประเทศ มีกว่า 60 ล้านคน ยังมีตลาดอีกมากที่ยังขยายได้
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปีที่แล้ว มีการเติบโต 8% โดยรายได้มาจาก 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ เครื่องตัดไฟ, ผลิตภัณฑ์ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้า, เซอร์กิตเบรกเกอร์, ผลิตภัณฑ์โคมไฟฉุกเฉินชุดเบ็ดเสร็จ ผลิตภัณฑ์เครื่องส่งสัญญาณกันขโมย และ ผลิตภัณฑ์เครื่องตัดแก๊สอัตโนมัติ และมีแชร์ เครื่องตัดไฟอัติโนมัติ 80% ตั้งเป้าหมายปีนี้แชร์เพิ่มเป็น 82% และเพิ่มเป็น 85%ในอีก 3 ปีจากนี้ และตั้งเป้ามีการเติบโต 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยอมรับว่า บางกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เช่น เครื่องตัดแก๊สอัติโนมัติ ซึ่งบริษัทฯจะทยอยลดการทำตลาดลง แต่ผลิตภัณฑ์หลายตัวก็ไปได้ดีเช่น เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องตัดไฟ ตู้ควบคุมแผงวงจรไฟฟ้าและเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบครบไลน์ เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ตลาดบ้านถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังผลิตเครื่องตัดไฟเซฟ-ที-คัท ประมาณ 800 กว่ายูนิตต่อวันเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด ทำให้เตรียมที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มที่โรงงานที่ชัยนาท ซึ่งเดิมมีพื้นที่รวม 200 กว่าไร่ และเมื่อเสร็จแล้วจะทำให้บริษัทฯสามารถขยายกำลังผลิต และขยายไลน์เพิ่มได้ด้วย เช่น จะโยกส่วนการผลิตเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่บริษัทฯร่วมทุนกับคนจีนผลิตที่ประเทศจีน กลับมาไว้ที่ประเทศไทยแทน แล้วแบ่งตลาดส่งออกกับจีน
สำหรับช่องทางการจำหน่ายในประเทศนั้นมี 3 ช่องทางหลักคือ 1.ค้าส่ง มากกว่า 80% 2.โครงการ ประมาณ 10% 3.ขายตรง ประมาณ 10%
เมื่อการเพิ่มกำลังผลิตแล้วเสร็จ บริษัทฯก็เตรียมที่จะเปิดตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนักเนื่องจากกำลังผลิตยังน้อยอยู่ เช่น ส่งไปจำหน่ายที่เวียดนาม เป็นต้น ส่วนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ทำไปแล้วในหลายประเทศ แต่ที่ญี่ปุ่นยังไม่ได้จดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
นายชวาลกล่าวด้วยว่า ด้วยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งในเรื่องของปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาราคาวัตถุดิบ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์ ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า ได้ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นเฉลี่ย 10% เมื่อเดือนที่แล้ว เพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ทางบริษัทฯได้ปรับวิธีการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำระบบลอจิสติกส์มาใช้ในการบริหารคลังสินค้าและการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ส่วนการแข่งขันกับสินค้าจากคู่แข่งต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่ปัจจุบันส่งสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ เข้ามาขายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก พบว่าไม่มีผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าของเซฟ-ที-คัท เพราะบริษัทฯเน้นคุณภาพไม่เน้นเรื่องราคา
|
|
|
|
|