"หุ้นไทยราคาถูก" เป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้กันมานานพอสมควร โดยเฉพาะในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา ที่ราคาหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยกลับย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน
ที่ผ่านมาเกณฑ์การวัดว่าหุ้นไทยราคา ถูก มักจะมองจากดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 600-900 จุด ทั้งที่ในอดีตเคยขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเอาไว้ที่ 1,700 จุด เมื่อ 10 กว่าปีก่อน แล้วเปรียบเทียบกับดัชนีราคาหุ้นของตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน หรือตลาดหุ้นหลักๆ อย่างดาวโจนส์ที่นิวยอร์ก หรือไฟแนนเชียลไทม์ที่ลอนดอน
บ้างก็มองจากอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ซึ่งของตลาดหุ้นไทย อยู่ที่ระดับ 15 เท่า ถือว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ รวมทั้งวัดจากอัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV Ratio) ซึ่งของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 2 เท่า ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้นโดยรวมที่ซื้อขายกันอยู่ในขณะนี้ สูงกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีเพียง 2 เท่าเท่านั้น
แต่นั่นเป็นเรื่องของภาพรวม เมื่อมองลงไปในรายละเอียดรายบริษัท ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจประการหนึ่งว่า จากงบการเงินประจำปี 2550 ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 440 บริษัท (ไม่รวมบริษัทที่อยู่ในกลุ่มแก้ไขผลการดำเนินงานและบริษัทที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 15 บริษัท) โดยนำตัวเลขส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) ของแต่ละบริษัท มาเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Matket Capita-lization) ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็น วันสุดท้ายของการซื้อขายหุ้นในปีที่แล้ว
พบว่ามีบริษัทถึง 205 แห่ง คิดเป็น 46.59% ที่มี Matket Capitalization ต่ำกว่า Equity หมายถึงผู้ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทเหล่านี้ มูลค่าที่เขามีส่วนรับผิดชอบอยู่ในบริษัทดังกล่าวยังมากกว่ามูลค่าที่ตลาดรับรู้
ซึ่งหากเกิดมีการปิดบริษัท แล้วมีการชำระบัญชีกัน เงินที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับยังมากกว่ามูลค่าหุ้นที่มีการซื้อขายกันอยู่ในตลาด ณ วันที่ 28 ธันวาคม Market Capitalization รวมของทั้ง 440 บริษัท เท่ากับ 6,335,185.43 ล้านบาท ขณะที่ Equity รวม 3,347,275.84 ล้านบาท Market Capitaliza-tion รวมสูงกว่า Equity รวม 1.89 เท่า Market Capitalization รวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยับขึ้นมาเป็น 6,516,295.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับ Equity รวม ณ สิ้นปี 2550 แล้ว Market Capitali-zation รวมสูงกว่า Equity รวม 1.95 เท่า
ณ วันที่ 16 พฤษภาคม ในจำนวนบริษัท 440 บริษัท มีบริษัทถึง 196 แห่ง หรือ 44.54% ที่มี Matket Capitalization ต่ำกว่า Equity
บริษัทที่มี Matket Capitalization ต่ำกว่า Equity มากที่สุดหากวัดจากเม็ดเงิน 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัททีพีไอโพลีน การบินไทย และเจริญโภคภัณฑ์อาหาร
ขณะที่บริษัทที่มี Matket Capitalization สูงกว่ากว่า Equity มากที่สุดหากวัดจาก เม็ดเงิน 3 อันดับแรก ได้แก่ ปตท. ปตท.สผ. และแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
ส่วนบริษัทที่มี Matket Capitalization ต่ำกว่า Equity มากที่สุดหากวัดตามอัตราส่วน 3 อันดับแรก ได้แก่ ประสิทธิ์พัฒนา เอเซียไฟเบอร์ และบางกอกไนล่อน
ขณะที่บริษัทที่มี Matket Capitalization สูงกว่ากว่า Equity มากที่สุดหากวัดตาม อัตราส่วน 3 อันดับแรก ได้แก่ ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น ริชเอเซีย สตีล และไทยธนาคาร
สำหรับ 100 อันดับของหุ้นที่มี Matket Capitalization ต่ำกว่า Equity และสูงกว่า Equity ทั้งจากการวัดโดยเม็ดเงินและอัตราส่วน สามารถดูได้จากตาราง
ถือเป็นเครื่องมือในการเลือกหาหุ้นราคาถูกไว้สำหรับลงทุนเครื่องมือหนึ่ง
|