|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เสริมสุข ยึดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ ฝ่ากระแสความท้าทายของตลาดน้ำอัดลมที่นับวันจะเริ่มมีการเติบโตแบบคงที่ เทงบกว่า 600 ล้านบาท เดินหน้าต่อยอดธุรกิจในปีที่ 55 รวมพลังกับเป๊ปซี่-โค และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อสร้างแต้มต่อทั่วทุกระบบ ขับเคลื่อนสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มอันดับ 1 ทั้งตลาดน้ำอัดลม และเครื่องดื่มไม่อัดลม (Non carbornat soft Drink)
สภาพตลาดน้ำอัดลมที่มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวของตลาดลดลง นั่นเป็นเพราะว่าต้องเผชิญกับตัวแปรที่เป็นปัจจัยลบนานาปราการทั้งปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นที่ส่งผลกระทบถึงตลาดน้ำอัดลมจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และคู่แข่งที่เครื่องดื่มเซกเมนต์ใหม่ๆเข้ามาตามกระแสสุขภาพซึ่ง
จากเดิมที่การแข่งขันเพื่อกระตุ้นยอดขายจะเน้นเฉพาะ โพรดัคส์อินโนเวชั่น ขยับขึ้นไปเป็น แพ็กเก็จจิ้งอินโนเวชั่น รวมทั้งการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีมากขึ้น ไม่เว้นแม้รายใหม่บิ๊ก โคล่า ที่วางเป้าหมายเข้ามากวาดยอดขายในตลาด"น้ำดำ" โดยเฉพาะ แม้มองดูแล้วเป็นกระดูกคนละเบอร์กับ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ โค้ก กับเป็ปซี่ ที่ไล่ถล่มกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งการสื่อสารการตลาดผ่านรายการวิทยุ และจุดเด่นที่สำคัญการชูจุดขายที่มีราคาถูกกว่าเจ้าตลาดเดิม
การเผชิญหน้ากับปัจจัยลบนานาปราการก่อนหน้านี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผลประกอบการของเสริมสุขในไตรมาสแรก มีรายได้จากการขาย 5,055 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.6% ทว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงรายรับ เพราะหากเปรียบเทียบรายจ่ายในปีนี้มีที่รายจ่าย 4,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีทีผ่านมา 200 ล้านบาท ที่มีรายจ่าย 4,734 ล้านบาท ขณะที่รายรับมีกำไรภายไตรมาสแรก 92 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมามีกำไร105 ล้านบาท ลดลง 13 ล้านบาท
นับว่า การเปิดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ ที่เสริมสุขวางแนวทางเพื่อจะเป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนองค์กรในปีนี้จึงเป็นหัวรบสำคัญในการบุกไปในทุกๆรูปแบบการทำธุรกิจ มิติที่ 1 เจาะให้ครบทุกกระแสความต้องการของตลาด (Focus on Market Need) ขับเคลื่อนตลาดน้ำอัดลม ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงบริษัทด้วย 3 แบรนด์หลัก - เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ พร้อมทั้งการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแคมเปญใหม่สู่ตลาด ควบคู่ไปกับการเร่งอัตราการเติบโตของเครื่องดื่มไม่อัดลม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่มคริสตัล น้ำส้มทวิสเตอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด ชาลิปตัน เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง และ โออิชิ ด้วยการขยายฐานให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งนี้ น้ำดื่มคริสตัลเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดของเสริมสุขและมียอดขายเป็นอันดับ 2 ทั่วประเทศ ทั้งยังมีแบรนด์ดาวเด่นที่โตวันโตคืนคือ คาราบาวแดง
มิติที่ 2 การสร้างความเป็นเลิศทั่วทั้งระบบการดำเนินงาน (Operational Excellence) เพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันโดยเน้นการพัฒนาคุณภาพคนซึ่งเป็นต้นทุนทางธุรกิจที่สำคัญด้วยการผสานประสบการณ์ของผู้ชำนาญงานกับแนวความคิดใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่เพื่อให้เป็นทีมงานที่แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความท้าทายของตลาด ตลอดจนสร้างระบบลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การจัดส่งและกระจายสินค้าครอบคลุมและเพียงพอต่อทุกความต้องการซื้อในทุกช่องทาง
มิติที่ 3 ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ในฐานะที่เสริมสุขอยู่คู่คนไทยมานานถึง 55 ปี และมีส่วนร่วมตอบแทนสังคมด้วยความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยมีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์และดูแลคุณภาพน้ำเล็งเห็นความสำคัญในการลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยในปี 2550 บริษัทสามารถลดปริมาณการใช้น้ำลดลง 10% โดยในปี 2551 ตั้งเป้าที่จะลดการใช้น้ำเป็น 20% นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการขยายโอกาสทางสังคมเพื่อการพัฒนาเยาวชนและการศึกษา
ผ่านกิจกรรมกีฬาในโครงการเด็กไทยกายใจแข็งแรง เช่น การจัดฟุตบอลคลินิกให้กับเยาวชน และกิจกรรมของมูลนิธิ ทรง บุลสุข ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี มูลนิธิฯ ได้ทำการมอบทุนการศึกษารวมกว่า 2,000 ทุน รวมมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท ให้แก่เยาวชนและบุตรพนักงานอีกด้วย
มิติที่ 4 รวมพลังเพื่อความเต็มที่สุดๆ ไม่หยุดยั้ง (United for a Greater Tomorrow) เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับทุกๆ สถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลงและอุปสรรคหลากหลายรูปแบบ ทั้งการทำงานร่วมกันกับเป๊ปซี่-โค ซัพพลายเออร์ ตลอดจนลูกค้าอย่างใกล้ชิด
มิติที่ 5 สร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น (Shareholder Value Creation) สร้างบริษัทให้แข็งแกร่ง เพื่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยมุ่งบริหารจัดการอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ
"ที่มาของการเปิดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ เพราะความท้าทายในวันนี้เรื่องใหญ่ คือ ราคาน้ำมัน แต่ในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้นคือน้ำตาล ดังนั้นโจทย์ใหญ่ในเวลานี้คือ การทำให้รายจ่ายลดลง และจากเดิมที่โหมทั้ง มาร์เก็ตติ้ง และการทำโปรโมชั่น แต่จะดูว่าอะไรที่ตลาดต้องการและมีข้อจำกัดแบบไหน เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันเปลี่ยนไป จากเดิมเน้นเรื่องมาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น แพ็กเก็จจิ้ง เป็นเครื่องมือกระตุ้นตลาด แต่ปีนี้ไฮไลท์ที่มาแรงที่สุด ทำยังไงให้บริษัทมีความแข็งแรงและอยู่รอดแบบถาวร โดยจะไม่มีการตัดส่วนที่มีอยู่ไป แต่จะมีการย่อส่วนพยายามไม่ทำให้รายจ่ายโตมากกว่า
มาถึงวันนี้คือ การสร้างแต้มต่อในการแข่งขันคือมีการจัดระบบใช้รถขนส่งสินค้าทั้ง 1.5 พันคันของบริษัท โดยจากที่มีโรงงาน 5 แห่งโรงงานจังหวัดปทุมธานี โคราช นครสวรรค์ สุราษฏร์ฐานี และชลบุรี ที่มีไลน์ผลิตน้ำอัดลม และน้ำดื่ม โรงงานจังหวัดปทุมธานี มีสัดส่วนการใช้รถเพื่อกระจายสินค้า 60% และจุดกระจายสินค้า 48 สาขาทั่วประเทศ เพื่อสร้างระบบโลจิสติกใหม่เพื่อการจัดส่งสินค้าให้ดีขึ้น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา
ทั้งนี้ด้านการขายและการบริการเข้าเยี่ยมร้านค้าให้สม่ำเสมอและรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของร้านค้า เป็นจุดที่ทำให้เสริมสุขผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งอุปสรรคที่เป็นปัจจัยภายนอกคือการขึ้นราคาน้ำมันแบบไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง เหตุผลดังกล่าวทำให้เสริมสุขต้องกลับมาทบทวนเรื่องการจัดสายรถที่เข้าร้านค้าสมาชิกทั่วประเทศกว่า 2 แสนรายทุก 3 วัน 6 วัน อาจจะมีการจัดระบบใหม่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ที่สำคัญจะไม่ทำให้สินค้าบริษัทขาดตลาด" สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าว
ไม่เฉพาะเป๊ปซี่เท่านั้นที่จะต้องเผชิญกับเรื่องที่ท้าทายจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน ทางฟากโค้กที่มีไทยน้ำทิพย์เป็นผู้ทำตลาดก็ต้องเผชิญกับการเติบโตน้ำอัดลมโค้กเติบโตไม่มาก และต้นทุนการผลิตที่สูงตามไปด้วย เนื่องจากวัตถุดิบและราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทไทยน้ำทิพย์มีการปรับปรุงพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย และจัดระบบการกระจายสินค้า ในร้านค้าตู้แช่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศประมาณ 2.5 แสนร้านค้า และสามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมภายในเวลา 4-5 วัน
อันที่จริงปัจจัยด้านลบที่เข้ามารุมเร้าตลาดน้ำอัดลมเริ่มมานานประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสัญญาณบอกเหตุดังกล่าว นั่นเป็นเหตุผลทำให้ 2 ค่ายยักษ์ในตลาดอัดลมทั้งเป๊ปซี่และโค้กต้องปรับตัวครั้งใหญ่ และค่อยๆเบนเป้าหมายมาขับเคลื่อนตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลมเพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้เกิดคู่ชิงรายใหม่ระหว่างสแปลช และทวิสเตอร์
ในส่วนของกลยุทธ์ด้านตัวสินค้าของเสริมสุข นอกจากมี 3 แบรนด์หลัก เป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ ที่เป็นน้ำอัดลมซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงบริษัทเติบโตอย่างแข็งแร็งมาถึงปัจจุบัน และยังมีการต่อยอดมาจาก 3 แบรนด์หลักมาเป็นเป๊ปซี่แม็กซ์ ที่สอดคล้องกับกระแสสุขภาพ
การวางยุทธศาสตร์ของบริษัทเสริมสุขก้าวสู่การเป็นอาณาจักรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพื่อความสดชื่นอย่างครบวงจร มีการเปลี่ยนแปลงโดยยอดขายสินค้าเพิ่มกลุ่มไม่อัดลมจาก 15% เป็น 20% และลดสัดส่วนเครื่องดื่มอัดลมลดลงเป็น 80% เริ่มขึ้นในปี 2547 ซึ่งเป็รอยต่อที่ขยายกำลังผลิตโรงงานในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานที่ซื้อหุ้นจากคืนมาจากบริษัท โย เฮียบ เส็ง ประเทศมาเลเซีย เพื่อนำมาผลิตเครื่องดื่มไม่อัดลม และถือว่าเป็นศูนย์กลางพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉพาะขยายไลน์การผลิตไปสู่กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อรองรับกระแสสุขภาพที่มาแรง ทั้งน้ำผลไม้ น้ำดื่มคริสตัล
ดังนั้นนโยบายของสินค้าในปีนี้คือขับเคลื่อนตลาดน้ำอัดลม ควบคู่ไปกับทำตลาดเร่งอัตราการเติบโตของเครื่องดื่มไม่อัดลมที่อยู่ในพอร์ตสินค้าคือ น้ำดื่มคริสตัล น้ำส้มทวิสเตอร์ เป็นเรือธง ตามด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด ชาลิปตัน เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง และโออิชิ ด้วยการขยายฐานให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยมแบรนด์ดาวเด่นที่โตวันโตคืนคือ คาราบาวแดง ขณะที่ดื่มคริสตัลเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดของเสริมสุขและมียอดขายเป็นอันดับ 2 ทั่วประเทศ
โคล่า วอร์ มาสู่วอเตอร์ วอร์
ในจุดนี้นอกเหนือจากการลงทุนปกติแล้วเสริมสุขยังได้จัดสรรงบอีกประมาณ 600 ล้านบาทสำหรับ 4 โครงการหลัก ได้แก่ การเพิ่มไลน์การผลิตน้ำดื่มคริสตัล เพื่อป้อนตลาดในภาคใต้ ที่สำคัญความพยายามเพื่อสร้างตลาดน้ำดื่มคริสตัลให้เติบโตที่ในพื้นที่ตลาดภาคใต้ แต่ถ้าไม่มีไลน์การผลิตนั้น ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะเป็นอุปสรรคในการทำเติบโต และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทต้องลงทุนเพื่อสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการขยายสาขาในแถบชานเมืองซึ่งเป็นจุดที่สำคัญของระบบการขนส่งซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญของเสริมสุข และการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน และการพัฒนาระบบการขาย ASDOS PLUS ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ซอฟท์แวร์ที่พัฒนาโดยเป๊ปซี่ซึ่งใช้ในหลายประเทศโดยเป็นระบบการประมวลข้อมูลการขายของร้านค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะเข้าถึงร้านค้าทั่วประเทศได้แม่นยำและครอบคลุมยิ่งขึ้น
การเคลื่อนไหวของเสริมสุขครั้งนี้ นับว่าเป็นการติดอาวุธใหม่ครั้งสำคัญ เพราะการแข่งขันกันระหว่าง บริษัทหาดทิพย์ กับบริษัทเสริมสุขในพื้นที่ภาคใต้ที่นอกจาก โคล่า วอร์ ยังคงเป็น วอเตอร์ วอล์ อีกด้วย นัยว่าเป็นการส่งสัญญาณเพื่ออุดช่องว่างและขยายแนวรุกการเจาะตลาดทางภาคใต้ ที่มีสัดส่วนตลาดน้ำอัดลมภาคใต้คิดเป็น 10% ของตลาดทั้งประเทศมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท และแม้ก่อนหน้านี้เสริมสุขจะเป็นผู้นำตลาดยึดพื้นที่การขายในทุกภาค แต่ยกเว้นเฉพาะพื้นที่การขายน้ำอัดลมในภาคใต้ที่มีบริษัทหาดทิพย์คุมเกมการทำตลาดในเขตภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด
ส่วนการเคลื่อนไหวเพื่อรักษาฐานลูกค้าน้ำโคล่าของเป๊ปซี่เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า-ใหม่ เมื่อเร็วนี้ทุ่มงบ 40 ล้านบาท จัดโกลบอลแคมเปญสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง "เป๊ปซี่ ยูนิเวิร์ส"ต้อนรับเทศกาลฟุตบอลยูโร เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ และเพื่อเปิดโอกาสให้คอบอลคนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์จินตนาการในการออกแบบการเล่นฟุตบอลในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมโปรโมชั่น "ลุ้นระทึกสนามเป๊ปซี่ทองคำ" ให้แฟนฟุตบอลได้ลุ้นสนามเป๊ปซี่ทองคำหนัก โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมผ่านสื่อดิจิทัล โดยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Youniverse ในการพัฒนาออนไลน์คอมมูนิตี้บนเวบไซต์ www.pepsithai.com แคมเปญนี้จะช่วยให้เป๊ปซี่มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% โดย เป๊ปซี่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 60% จากตลาดรวมมูลค่า 35,000 ล้านบาท เติบโต 2-3%
ขณะที่การปกป้องตลาดในพื้นที่ภาคใต้ที่มีหาดทิพย์เป็นผู้คุมเกมมานานถึง 37 ปี ก่อนหน้าในปีที่ผ่านมานั้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและระบบโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า และที่สำคัญการยึดพื้นที่ขายในตู้แช่ทุกร้านค้าจะมีโค้ก โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมหน่วยรถ 200 กว่าคัน นำสินค้าขึ้นรถแล้วเร่ขายไปตามร้านค้า ซึ่งมีจุดอ่อนหากร้านค้าเล็กๆ ที่มีการสั่งซื้อน้อยกว่า 6 ลังต่อสัปดาห์ หน่วยรถมักเข้าไปไม่ถึง
ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ระบบการจัดจำหน่าย MDC หรือ MANUAL DISTRIBUTION CENTER ระบบการกระจายสินค้าที่หาดทิพย์ดัดแปลงมาจากโคคา-โคลา SABCO ซึ่งเป็น Bottle ในแอฟริกาใต้ ตะวันออก และเอเชียบางประเทศ โดยที่ 1 หน่วย MDC จะดูแลร้านค้าย่อยๆ ประมาณ 150 ร้านโดยจะมีความถี่ในการเข้าไปเยี่ยมและลงสินค้าไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเริ่มโครงการนำร่อง 6 จังหวัดคือ สงขลา พัทลุง สตูล และสามจังหวัดชายแดน วางเป้าหมายทั้งหมด 76 แห่งรวมทั้งหมด 3 หมื่นร้านทั่วประเทศ
คริสตัลระเบิดศึกน้ำทิพย์
การเปิดฉากเกมการตลาดเพื่อยึดช่องทางการขายในภาคใต้ของเสริมสุข ที่วางหมากน้ำดื่มคริสตัลที่เป็นแบรนด์ของเสริมสุขเองมานำขบวนจะเป็นบันไดต่อยอดไปสู่การตลาดอีกระดับ เพื่อต่อกรช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์น้ำทิพย์จากจากมือหาดทิพย์ ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นตลาดน้ำอัดลมภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมาจะเน้นแคมเปญท้องถิ่นยึดตลาด โดยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภคในพื้นที่ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า
อีกทั้งเป็นการเปิดศึกระรอกที่สอง หลังจากระรอกแรกเริ่มต้นด้วยเพิ่มสาขากระจายสินค้า ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญของการสร้างฐานทะลุทะลวงตลาดในภาคใต้ของบริษัทเสริมสุข จำกัด เรียกว่าเป็นพื้นที่เดียวที่เป๊ปซี่มียอดขายต่ำกว่าคู่แข่ง เริ่มต้นตั้งแต่เข้ามาเปิดคลังสินค้าที่ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และตรัง หลังจากนั้นมีการเพิ่มศักยภาพในส่วนด้านการผลิต โดยเริ่มเปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเริ่มเดินเครื่องผลิตน้ำอัดลมเมื่อปี 2540 ทั้งนี้เพื่อทำให้การขยายตลาดของเป๊ปซี่ในภาคใต้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ในเขต 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เช่น ระนอง ภูเก็ต ตรัง สุราษฎร์ธานี
เกมอาจเปลี่ยนไปเมื่อเสริมสุขมีไลน์การผลิตน้ำดื่มขวดเพ็ตที่โรงงานสุราษฎร์ธานี เพราะนอกจากเพื่อตอบสองความต้องการตลาดภาคใต้เอง แต่ที่น่าสนใจ หากการวางหมากเพื่อสร้างแต้มต่อครั้งนี้เป็นไปได้ดี จะทำให้น้ำดื่มคริสตัลของค่ายเสริมสุข มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแบบหายใจรดต้นคอ น้ำดื่มสิงห์ที่ครองความเป็นผู้นำตลาดก็เป็นได้ พราะเป้าหมายเพื่อการเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง ด้วยเทงบ 70 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพไลน์การผลิตขวดเพ็ตที่โรงงานสุราษตาม จากเดิมที่มีโรงงานผลิตน้ำดื่มเป็นขวดแก้วเท่านั้น น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำตลาดน้ำดื่มให้กับเสริมสุขได้เป้นอย่างดี
โดยขณะนี้โรงงานผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดสำเร็จรูป และฝาขวดเกลียวคือบริษัทเพ็ทฟอร์ม(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอินโดรามาฯกับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)เมื่อปี 2549 ได้ไปลงทุนเปิดโรงงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และบริษัทเสริมสุขจะเริ่มผลิตน้ำดื่มคริสตรัลในรูปแบบขวดเพ็ตเพื่อวางตลาดในพื้นที่ภาคใต้ได้ภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ อย่างไรก็ตามการเติบโตการขยายไลน์การผลิตคริสตัลขวดเพ็ตเป็นไปตามกระแสการเติบโตของตลาดรวมที่น้ำดื่มขวดเพ็ตเริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น60-70% ที่เหลือเป็นขวดขุ่นและขวดแก้ว จากภาพรวมตลาดน้ำดื่มมูลค่า 1.3หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้น้ำดื่มคริสตัล เป็นแบรนด์ของเสริมสุข ที่วางตลาดมากว่า 10 ปี และมีการเติบโตสูงสุด ที่สำคัญยังเป็นธุรกิจสร้างรายได้ขาที่สองรองจากเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยที่ผ่านมา ในปีที่ 2546 คริสตัลมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 25% ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2547 เติบโต 32% ในปี 2548 เติบโต 30% ขณะที่ปี 2549 ยอดขายคริสตัลขยับตัวด้วยอัตราเติบโตสูงถึง 40-45% และยังมีรายได้เป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายรวมบริษัท
ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดของน้ำดื่มคริสตัลก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดอย่างรวดเร็วด้วยส่วนแบ่งตลาด 17% ขณะที่ผู้ครองตลาดสูงสุดคือน้ำดื่มสิงห์ มีส่วนแบ่งประมาณกว่า 20% คาดว่าการเปิดเกมรุกในตลาดทางภาคใต้ที่เคยเป็นจุดที่น้ำดื่มคริสตรัลตามหลังน้ำดื่มทิพย์ จากค่ายโคคา-โคลา ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดในพื้นที่นี้แต่เป็นอันดับ3 ตีคู่กันมากับน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลท์ ในสมรภูมิตลาดรวมน้ำดื่มทั้งประเทศ
ในส่วนในตลาดน้ำอัดลมในภาคใต้ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีการเติบโตแบบคงที่ ทว่าการแข่งขันกันสูงมาก ระหว่างคู่ชกโค้ก กับเป๊ปซี่ เนื่องจากแต่ละค่ายต้องการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเองเอาไว้ ทั้งสร้างภาพลักษณ๎ที่ดีให้แบรนด์ และจัดส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นตลาดทุกวิธีทางให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น
อย่างไรก็ตามน้ำอัดลม ศูนย์แคลอรี ไร้น้ำตาล เป็นสินค้าที่จะสร้างตัวเลขยอดขายได้ต่อไป สำหรับโค้กซีโร่ ในพื้นที่เขตภาคใต้ที่อยู่ในความรับผิดชอบบริษัทหาดทิพย์ ในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีการทำตลาดมากนัก โดยในบางพื้นที่บนเกาะสมุย ตามตู้แช่ในร้านค้าแทนที่จะเป็นโค้กซีโร่ แต่กลับเป็นการขายโค้กไลท์ ทั้งในรูปแบบกระป๋อง และขวดบัดดี้
อย่างไรก็ตามโค้กไลท์ เป็นสินค้าอยู่ในเซกเมนต์เดียวกับ น้ำโคล่าไร้แคลอรีและน้ำตาล คาดว่าการทำตลาดน้ำอัดลมในเซกเมนต์นี้สำหรับตลาดทางภาคใต้นั้น แม้จะมีขายในช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นก็ตาม ทว่าอยู่ระหว่างการ Educated โดยการทำตลาดของบริษัทหาดทิพย์จัดส่งเสริมการขายแนะนำกับร้านค้า เมื่อลงน้ำอัดลม 1 ลังแถมโค้กซีโร่ 1 กระป๋อง
ขณะที่การทำตลาดในพื้นที่ของเป๊ปซี่ในพื้นที่ตอนล่างที่ผ่านตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจนั้นการกระจายสินค้าของเป๊ปซี่ที่ผ่าน ก ชัยแสง ซึ่งเป็นตัวแทนที่กระจายการขายเป๊ปซี่รายใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ยังไม่สามารถเข้าไปเจาะตลาดได้ นั่นเพราะมีบริษัทคู่แข่งที่แข็งแกร่งคือบริษัท หาดทิพย์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โค้ก,แฟนต้า,สไปรท์ ชเวปส์ สแปลช และน้ำทิพย์ในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ และครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำโคล่าในพื้นที่นี้กว่า 60%
|
|
|
|
|