|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ยูโอบีแจ้งเกิดกอง commodity รับกระแสขาขึ้น ให้ผลตอบแทนเกาะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 6 ชนิดใน 4 หมวด หลัก ทั้ง พลังงาน โลหะมีค่า โลหะอุตสาหกรรม และ สินค้าเกษตร แนะข้อดีเป็นการกระจายความเสี่ยง-สู้ศึกเงินเฟ้อ
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ยูโอบี(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท คอมมอดิตี้ (UOB Smart Commodity Fund) หรือ UOBSC มูลค่า 1.4 พันล้านบาท เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)
ทั้งนี้กองทุนเปิด UOBSC จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน DB Platinum Commodity Euro หรือ Master Fund ซึ่งบริหารและจัดการโดยบริษัท DB Platinum Advisors ที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก
โดยกองทุนหลักจะมีนโยบายเน้นสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index Mean Reversion (DBLCI-MR) ที่บริหารจัดการโดยดอยช์แบงก์ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้และสัญญาสวอปเพื่อแลกเปลี่ยนผลตอบแทนที่ได้รับให้เป็นไปตามดัชนี ซึ่งจะเน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ 4 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวดพลังงาน หมวดโลหะมีค่า หมวดโลหะอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าเกษตร โดยแบ่งย่อยเป็น สินค้า 6 ชนิด ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเตา ทองคำ อะลูมิเนียม ข้าวสาลีและข้าวโพด
ด้านสภาพคล่องและการจัดพอร์ตลงทุนนั้น กองทุนหลักจะมีการปรับพอร์ตลงทุนทุกวันอัตโนมัติ ด้วยวิธีที่เรียกว่า Mean-Reversion ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมกับวัฏจักรราคาสินค้าโดยตรง และจะจัดพอร์ตการลงทุนจากหมวดที่ราคาถูกที่สุดไปหาหมวดสินค้าที่แพงที่สุด ซึ่งจะคำนวณราคาทุกวันโดยจะดูราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี เปรียบเทียบราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
"จุดเด่นของดัชนี DBLCI-MR คือกลไกการปรับน้ำหนักการลงทุนในสินค้าทั้ง 6 ชนิด โดยจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนให้กับสินค้าที่มีราคาถูก และลดน้ำหนักการลงทุนในสินค้าที่มีราคาแพง โดยจะปรับน้ำหนักการลงทุนทุกวัน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่จะช่วยปรับเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ให้กับนักลงทุนไปในตัว"
ด้านความเสี่ยงของกองทุนนี้คือ กรณีที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งปรับตัวขึ้นสูงแล้ว ดัชนีได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนลง แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวนั้นยังปรับตัวขึ้นต่อ หรือกรณีที่สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง ดัชนีมีการปรับน้ำหนักการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังปรับตัวลงต่อ อาจจะทำให้ผลการดำเนินงานของดัชนี DBLCI-MR ออกมาไม่ดีได้เช่นเดียวกัน
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลัก ณ วันที่ 1 เมษายน 2551 ประกอบด้วยอะลูมิเนียม 32.50% น้ำมันดิบ 28.80% น้ำมันเตา 16.20% ทองคำ 10.8% ข้าวโพด 9.10% และข้าวสาลี 2.70% โดยมีผลตอบแทน ในรูปสกุลเงินบาทย้อนหลัง ตั้งแต่ต้นปี 2551 อยู่ที่ 12.58% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ S&P ที่ 11.53%
ในมุมมองของ วนา ประเมินว่าการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากดีมานด์ยังมากกว่าซัพพลาย ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาว อีกทั้งการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ยังป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ด้วย เพราะการขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้ด้วย เพราะผลตอบแทนของสินค้าโภคภัณฑ์กับหุ้น หรือตราสารหนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน จึงมีความสัมพันธ์กันน้อยเหมาะกับการกระจายความเสี่ยง
|
|
|
|
|