เอ็มดีใหม่ ESTAR เปิดแผนธุรกิจ ปรับทิศเน้นพัฒนาคอนโด เจาะตลาดกลาง-บน เร่งสร้างรายได้-ผลกำไร หวังล้างขาดทุนสะสม มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง เตรียมลุยพัฒนาแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ จ.ระยอง พร้อมรุกสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง
หากติดตามความเคลื่อนไหวในช่วง 2 ปีที่ ESTAR หรืออีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตทฯ ขาดกรรมการผู้จัดการที่เป็นเสมือนแม่ทัพขององค์กร จะเห็นได้ว่าการลงทุนใหม่ๆ ของดีเวลลอปเปอร์รายนี้แทบจะไม่มีออกมาให้เห็น มีเพียงแต่กิจกรรมการตลาดเพื่อเร่งปิดยอดขายของโครงการเก่าเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้ตัว “รัตนชัย ผาตินาวิน” เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่เพิ่งโบกมือลาตำแหน่งเดียวกันที่บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เมื่อไม่นานมานี้ ภารกิจที่กรรมการผู้จัดการคนใหม่ต้องเร่งทำ คือ ล้างขาดทุนสะสม เร่งพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากทบทวนจุดยืน และแผนการลงทุนระยะยาวร่วมกับคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อล้างภาพของบริษัทฯ ที่ดูเหมือนอยู่นิ่งๆ มาตลอด
หลังจากมีการจัดโครงสร้างองค์กรใหม่แล้ว เป้าหมายแรกของบริษัทฯ คือ ขยายฐานการลงทุนเข้าสู่กรุงเทพฯ มากขึ้น จากเดิมที่มีฐานธุรกิจอยู่ในโครงการบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟ อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า เจาะกลุ่มเป้าหมายในย่านนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ จ.ระยองเป็นส่วนใหญ่ เช่น บ้านเดี่ยวในโครงการวินเทจ โฮม วิลเลจ และแฮมเล็ท 1 อาคาร์พาณิชย์ในโครงการสตาร์ ทาวน์ เซ็นเตอร์ โดยทิศทางจะเน้นรุกตลาดระดับกลาง-บน ได้แก่ B ถึง A+ และเน้นโครงการแนวสูง ซึ่งรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าจะสร้างรายได้และกำไรรวดเร็วกว่าการพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งจะช่วยล้างภาวะขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 330 ล้านบาทได้ภายใน 2-3 ปี โดยมีแผนจะพัฒนา 2-3 โครงการต่อปี
นอกจากนี้ยังปรับพอร์ต เร่งนำแลนด์แบงก์กว่า 1,000 ไร่ที่ จ.ระยอง ราคาประเมินเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทมาพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลา 5 ปี โดยแปลงหนึ่งที่มีขนาด 600 ไร่ ซึ่งมีศักยภาพจะพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม มีแผนจะขายให้นักลงทุนที่สนใจ หรืออาจจับมือเป็นพันธมิตรลงทุนร่วมกัน และจะทำควบคู่ไปกับการรีโนเวทอพาร์ตเมนต์และบ้านเช่า ของบริษัทลูก “ซีสตาร์ พรอพเพอร์ตีส์” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสนามกอล์ฟอีสเทอร์น สตาร์ คันทรีคลับ แอนด์ รีสอร์ต อ.บ้านฉาง ทั้งนี้บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.05 สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทฯ มีแผนจะสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง เพื่อเสริมการรุกตลาดของบริษัทฯ ในระยะเวลาประมาณ 2 ปี
ส่วนสต๊อกยูนิตเหลือขายของบริษัทที่มีกว่า 1,000 ล้านบาท ใน 8 โครงการทั้งกรุงเทพฯ และระยอง จะเร่งทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบการตลาดรวม 60 ล้านบาท เพื่อเจาะไปหากลุ่มลูกค้าตัวจริง และบางส่วนโฟกัสไปยังกลุ่มนักลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น คอนโดมิเนียมโครงการเดอะ สตาร์ เอสเตท แอท นราธิวาส และเดอะ สตาร์ เอสเตท แอท พระราม 3 จัดอยู่ในทำเลใจกลางเมือง มีศักยภาพในการปล่อยเช่า โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่อปล่อยเช่าไม่ถึง 10% คาดว่าจะปิดโครงการได้ในปีนี้และปีหน้า
โดยในปีที่ผ่านมา ESTAR มีรายได้รวม 1,306 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,050 ล้านบาท เติบโต และเป้ารับรู้รายได้ 700-800 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 2-3 โครงการบนที่ดินในแนวรถไฟฟ้า มูลค่ารวม 2,000-3,000 ล้านบาท
|