เขาเกิดบนเกาะไหหลำ เมื่อปี 2443 บิดา ของเขาคือ เจ็งอั้นเต็ง หรือแต้อั้นเต็งในภาษาแต้จิ๋ว
เขามีนามว่าเจ็งนี่เตียง เพียงอายุ 16 ปี ก็แต่งงานตามประสาคนจีนไหหลำ
ซึ่งต้องการมีครอบครัวใหญ่
ปี 2466 เกาะไหหลำคุด้วยไฟความยุ่งเหยิง เหตุการณ์ไม่สงบปะทุขึ้น เขาต้องอำลาบ้านเกิดข้ามทะเล
หนีร้อนมาพึ่งเย็น ที่ประเทศไทยในครั้งแรก นี่เตียงอยู่เมืองไทยเพียงปีเดียว
เหตุการณ์ทางโน้นก็สงบลง เขาตัดสินใจกลับเมืองจีนอีกครั้ง ว่ากันว่าการกลับบ้านเกิดเมืองนอนครั้งนี้
นี่เตียงได้ขวนขวายศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่คนจีนในไทยกาลต่อมาว่า
นี่เตียงคือ ปัญญาชนคนจีนคนหนึ่ง
เมื่ออายุ 21 ปี นี่เตียง แซ่เจ็ง ได้เดินทางเข้ามาเมืองไทยอีกวาระหนึ่ง
ครั้งนี้สำคัญที่สุด เพราะว่าเขาได้ตัดสินใจปักหลักชีวิต และครอบครัว ที่นี่อย่างแท้จริง
เริ่มทำงานครั้งแรก ที่ร้านขายข้าวสาร และของเบ็ดเตล็ดชื่อ พงอั้นเหลาของพ่อตา
ซึ่งตั้งอยู่ ที่ท่าช้างวังหน้า ทำงานอยู่ได้ 2 ปี พ่อตาให้เงินก้อนหนึ่ง
300 บาท เพื่อให้เขา และภรรยาเป็นทุนรอนในการทำมาค้าขาย นี่เตียงกับภรรยา
(คนแรก) จึงแยกตัวออกมาเปิดร้านค้าของตนเอง-ร้านเข่งเซ้งหลี ขายของเบ็ดเตล็ด และเครื่องดื่ม ที่บางขุนเทียน
นอกจากนี้เขาได้ซื้อเรือลำเล็กลำหนึ่งบรรทุกของ ลงเร่ขายตามน้ำย่านฝั่งธน
"มีวันหนึ่งขณะพายเรือขายสินค้า เขาปวดหัว
อย่างแรงเพราะพิษไข้ เขาจึงพายเรือกลับบ้าน โดยจอดเรือไว้ ที่ท่าน้ำ ต่อมาไม่นานเกิดพายุฝน
เขานึกถึงเรือ ที่บรรทุกสินค้า ซึ่งหมายถึงทุนรอน นี่เตียงต้องกรำฝน ทั้งๆ
ที่เป็นไข้ ขนสินค้าขึ้นจากเรือ" ชาวไหหลำในไทย รุ่นเก่ายกตัวอย่างความอุตสาหะวิริยะของนี่เตียงให้ฟัง
นี่เตียงทำงานสะสมทุน ที่บางขุนเทียนจนสงครามโลกครั้ง ที่สองยุติลง ปี 2488
เขาก็ย้ายไปอยู่ ที่สี่พระยา เปิดร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษ โดยนำเข้า จากต่างประเทศทั้งหมด
วันชัย จิราธิวัฒน์ ลูกชายคนที่สองของนี่เตียงบอก "ผู้จัดการ"
ว่าร้านที่สี่พระยาเป็นเพียง Grocery เล็กๆ
และที่สี่พระยานี่เอง นี่เตียงได้เริ่มต้นเข้าไปสัมผัสกับธนาคาร และกู้เงินธนาคารใช้เป็นครั้งแรก
นับเป็นการ "แหวกประเพณี" ของคนจีนในระยะไต่เต้าธุรกิจทั่วไป เขากู้เงินธนาคารตั้งแต่นั้น มาจนถึงทุกวันนี้จนกลายเป็น
"ความสามารถ" อย่างหนึ่งอันเป็นลักษณะพิเศษของกลุ่มเซ็นทรัลในปัจจุบัน
วันชัยเล่าว่า ธนาคารแรกที่พ่อของเขาใช้บริการคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย
ซึ่งอยู่ใกล้ร้านของเขาที่สี่พระยา โดยผ่านกัมประโดของธนาคารนายห้างร้านเทียนกัวเทียน
"ไทยพาณิชย์เป็นธนาคารที่ดีคอยดูแลลูกค้า ไม่ให้พ่อค้าทำอะไรเกินตัว
คือ เขามีฝ่ายวิจัยให้คำปรึกษาด้วย ถึงแม้สมัยก่อนเปิดแอล/ซี ต้องเอาเงินทุนไปวางมาร์จิน
20-30% แล้วแต่สินค้า แต่ก็ไม่วายว่า เอ๊ะ! สั่งเข้ามาเยอะจะขายได้ไหม คอยตรวจสอบอยู่เรื่อย
ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ แบงก์ไม่ค่อยมายุ่ง" วันชัยฟื้นความหลังความสัมพันธ์ระหว่างกิจการค้าของพ่อกับธนาคารไทยพาณิชย์เมื่อ
30 ปีก่อน
ปลายสงครามเกาหลี ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำอย่างมาก รัฐบาลในสมัยนั้น ดำเนินนโยบายสกัดกั้นสินค้าขาเข้า และมีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
"สินค้า ที่นี่เตียงนำเข้ามาขายก่อนจำนวนมาก ขายได้กำไรหลายเท่า"
คนจีนไหหลำคนเดิมชี้จุดก้าวกระโดดการสะสมทุนของนี่เตียง
"ผู้จัดการ" ถือว่าทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎี ที่เชื่อถือได้มากที่สุด
มากกว่าทฤษฎีการพบทองคำฝังไว้ใต้ดิน ซึ่งนี่เตียงขุดพบหรือทฤษฎีอื่นใด !
เพียง 4 ปีที่สี่พระยา นี่เตียงสามารถหาเงินก้อนซื้อ ที่ ที่หน้าโรงเรียนอัสสัมชัญฯ
ที่เรียกว่า ตรอกโรงภาษีเก่า หลังจากนั้น ก็เลิกกิจการที่สี่พระยาอันเป็นห้างเช่าบน ที่ดินของราชนิกุลคนหนึ่ง
ซึ่งคนจีนได้สร้างเป็นตึกแถวสี่ชั้นมาสู่ ที่ดินของตนเอง
"เดิมเป็นของพระนางเจ้ารำไพพรรณี คนจีนเช่ามาทำเป็นห้องแถวต่อมาก็ทรงตัดขาย
ใครเช่าอยู่ก็ขายคนนั้น เราก็เลยซื้อไว้ ทีแรกคิดจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก
คนเก่ากลัวซ่อมแซมไม่ได้ เพราะไม่มีโครงเหล็กเลยรื้อสร้างใหม่ ตอนหลังทรัสต์มาเช่าแล้วเจ๊ง
ยังทิ้งอยู่จนทุกวันนี้" วันชัยเล่า ที่มาของสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นแรกของจิราธิวัฒน์
ร้านที่ตรอกโรงภาษีเก่ามีสินค้าเพิ่มมากขึ้น ถุงเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง
ซึ่งส่วนใหญ่ขายส่ง
ในช่วง 10 ปีแรก จากสี่พระยาจนสิ้นสุด ที่ตรอกโรงภาษีเก่า นี่เตียง มีผู้ช่วย
3 คน สัมฤทธิ์ วันชัย และสุทธิพร ลูกชาย 3 คนแรกจากภรรยาแรก ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการติดต่อกับต่างประเทศ
เพราะเขาทั้งสามพูด และเขียนภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากเรียน ที่โรงเรียนอัสสัมชัญฯ
ในขณะที่นี่เตียงพูด และเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ห้างเซ็นทรัลเริ่มต้นอย่างแท้จริงราวๆ กึ่ง พุทธกาล ที่วังบูรพา และเป็นห้วงเวลา
10 ปีสุดท้ายของชีวิตนี่เตียง แซ่เจ็ง หรือเตียง จิราธิวัฒน์
ประมาณปี 2499 ย่านวังบูรพาเป็นย่านการค้าแห่งใหม่ ที่กำลังเติบโต ร้านรวงผุดขึ้นอย่างดอกเห็ดเต็มพรืด
ณ ใจกลางนั้น บังเอิญเหลือเกินปรากฏ ที่ว่างแห่งหนึ่งมีพื้นที่พอสมควร ซึ่งเป็นของโอสถ
โกสิน นักพัฒนา ที่ดินในยุคนั้น เก็บเอาไว้ให้ธนาคารนคร หลวงไทย ว่ากันว่าเป็นการตอบแทนผลประโยชน์กัน
นี่เตียงได้ซื้อ ที่ตรงนั้น สร้างเป็นตึกต่างหากดูเด่นท่ามกลางห้องแถวนับร้อยคูหา
โดยมีโรงภาพยนตร์แกรนด์ควีน คิงส์รายล้อม
"เนื้อที่ 100 ตารางวา ราคาประมาณ 1 ล้านบาท" วันชัยยังจำได้
รวมค่าก่อสร้างด้วย เตียง จิราธิวัฒน์ ต้องกู้เงินธนาคาร เพื่อใช้ในการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
หรือต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ประมาณ 3 ล้านบาท
เคยมีชื่อว่าห้างเจ็งอันเต็ง ตามชื่อบิดาของเขา!
Concept ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกนี้เกิดจาก มันสมองของเตียง สัมฤทธิ์ และวันชัย
อันเป็นผลจากการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งในช่วงนั้น !
ห้างสรรพสินค้าติดราคาสินค้าครั้งแรกในประเทศ ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ
และเพราะความสำเร็จจึงชักนำให้จิราธิวัฒน์ พยายามขยายอาณาจักรออกไปสู่เยาวราช และราชประสงค์
ซึ่งเป็นความพยายาม ที่ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรกๆ วันชัยบอกว่า ที่เยาวราชอยู่ได้
2 ปีเท่านั้น ก็ต้องถอยทัพ เนื่องจากไม่สามารถต่อกรกับการค้าแบบห้องแถวของคนจีนดั้งเดิมได้
ส่วน ที่ราชประสงค์ทำเลไม่ดี จึงไม่สามารถสู้กับไดมารูห้างญี่ปุ่น ที่มาปักหลักได้
ปี 2511 เซ็นทรัลสาขาสีลมก็เปิดขึ้น ใช้ชื่อเป็นทางการว่า ห้างเซ็นทรัล
เป็นครั้งแรก
แต่เดิมเตียง จิราธิวัฒน์ ซื้อ ที่อยู่ ที่ฝั่งตรงข้ามของสาขาปัจจุบัน แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ใหญ่ไป
ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงตัดสินใจมาซื้อ ที่ดินฝั่งตรงข้ามในเนื้อ ที่ ที่น้อยกว่า
การลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ตึก 9 ชั้น ก็สำเร็จเป็นห้างสรรพสินค้า ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ช่วงชีวิตของเตียง เขาไม่เคยต้องใช้ทรัพย์สินอื่นใดค้ำประกันเงินกู้ธนาคารเลย
ทั้งๆ ที่กู้ตั้งแต่ครั้งแรก ที่มีห้างต้นแบบสรรพสินค้า "เวลาไปหานายแบงก์กู้เงินแกจะหอบกระเป๋าใบหนึ่ง
ในนั้น มีโฉนด ที่ดินหลายใบไปให้ดู ทุกคนเชื่อ ซ้ำให้กู้โดยไม่ต้องค้ำประกัน
คุณเตียงเป็นลูกค้า ที่ซื่อสัตย์มาก" นายธนาคารรุ่นเก่าของธนาคารศรีนครเล่าให้ฟัง
บริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด เกิดขึ้น เพื่อเป็นนิติบุคคล ดำเนินการห้างนี้นอกจาก
เตียง และลูกชาย 3 คนแรก สุทธิชัย และสุทธิเกียรติ คือ ลูกชายอีก 2 คนแรก ที่จบการศึกษาจากอังกฤษ
เดินทางกลับมาร่วมเป็นกรรมการบริษัทนี้ด้วย
ที่ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงสายตาอันยาวไกลพอประมาณของเตียง จิราธิวัฒน์ ผู้รู้เล่าให้ฟังว่าการเปิดห้างสรรพสินค้าปรับอากาศแห่งแรกในบริเวณ ที่ใกล้ย่านการค้า และชุมชน
(ในขณะนั้น ) เมื่อเปรียบเทียบกับห้างไดมารูของญี่ปุ่นแล้ว เซ็นทรัลสีลมตกในที่นั่งลำบากมาก
ไดมารูอยู่ในย่านการค้าราชประสงค์ ที่เติบโตขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งหลังจาก ที่วังบูรพาอิ่มตัว
วันชัยเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นเซ็นทรัลสีลมโดดเดี่ยวมาก ถนนมเหสักข์ก็ยังไม่ได้ตัด
ดังนั้น ตัวเลขการขาดทุนจึงสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ...
เตียง จิราธิวัฒน์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบิดาห้างสรรพสินค้าในไทยก็ลาโลกในเวลาเดียวกัน
เป็นการจากไปประเภทนอนตาไม่หลับ เขาได้ทิ้งแบบฉบับธุรกิจห้างสรรพสินค้าไว้ข้างหลังให้ลูกๆ
แบกรับภาระอันหนักอึ้ง
*****
เนื้อความข้างต้น คัดลอกมาจาก "ผู้จัดการ" ฉบับเดือนตุลาคม 2529
ซึ่งเป็นนิตยสารฉบับแรก ที่นำเสนอเรื่องราวของเซ็นทรัลกรุ๊ป และตระกูลจิราธิวัฒน์ไว้อย่างละเอียด
ในห้วงเวลา ที่บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ และเผยแพร่ออกสู่สายตาของสาธารณชนนั้น
เป็นช่วงเวลา ที่เซ็นทรัลกรุ๊ปยังอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจ
การจากไปของเตียง จิราธิวัฒน์ ในปี 2512 ท่ามกลางภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องของสาขาบนถนนสีลม
ได้รับการสรุปว่าเป็นการจากไปแบบนอนตาไม่หลับ เพราะได้ทิ้งภาระต่างๆ ไว้ให้ลูกๆ
ต้องแบกรับอย่างมากมายหลายประการ
กระนั้น ก็ดี ระยะเวลาหลังจากนั้น อีก 30 กว่าปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
ลูกๆ ของเตียง สามารถระดมสรรพกำลัง ความคิด จัดการกับภาระ และหนทาง ที่แผ้วถางบุกเบิกไว้ได้อย่างเรียบร้อย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังสามารถนำพาเซ็นทรัลกรุ๊ปให้เติบใหญ่ขึ้น จนเตียงเองก็อาจนึกไม่ถึง
หากวันนี้ เตียง จิราธิวัฒน์ ยังมีลมหายใจ และสามารถได้เห็นภาพกิจการของตระกูลดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เขาคงภาคภูมิใจ และสามารถจากไปอย่าง นอนตาหลับได้แล้ว