Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 พฤษภาคม 2551
เงินเฟ้อกดหุ้นทั่วโลกร่วง-ปตท.รูดสังเวยลดค่ากลั่น             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนกังวลปัญหาเงินเฟ้อบานปลาย กดดันดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ยังได้รับปัจจัยลบจากมาตรการลดค่าการกลั่น-การเมือง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นร่วงกว่า 18 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มปตท.ลดลงกันถ้วนหน้า ด้านเอ็มดีตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกโรงเตือนอย่าตื่นขายหุ้น ต้องรอดูความชัดเจน ส่วนโบรกเกอร์ แนะเลือกหุ้นลงทุนระยะยาวเกิน 6 เดือน ด้านหุ้น "พรีเมียร์ฯ" เทรดวันแรก อาจได้รับผลกระทบราคาหุ้นเหนือจองไม่มากนัก

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 พ.ค.) ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่เกิดจากความกังวลเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มาตรการของกระทรวงพลังงานที่ขอความร่วมมือลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเชล 1 บาท ซึ่งได้ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

จากประเด็นต่างๆ ได้กดดันให้ตลาดหุ้นไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุดที่ 851.65 จุด สูงสุดที่ 867.36 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 856.80 จุด ลดลง 18.79 จุด หรือ 2.15 % มูลค่าการซื้อขาย 24,846.68 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 789.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,925.37 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,715.13 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการลดค่าการกลั่นของรัฐบาล ทำให้หุ้นกลุ่มบมจ.ปตท. ลดลงทั้งกลุ่ม นำโดย PTT ปิดที่ 360 บาท ลดลง 12 บาท หรือ 3.23% มูลค่าซื้อขายรวม 3,225.68 ล้านบาท PTTEP ปิด 194 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 3.00% มูลค่า 2,862.57 ล้านบาท และ TOP ปิด 62.50 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 7.41% มูลค่า 2,115.24 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากหลายๆ ปัจจัย อาทิ ดัชนีดาวน์โจนส์ที่ปรับตัวลดลงทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลง 2-3% และมาตรการขอลดค่าการกลั่นของทางการที่ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงถึง 3%

ขณะเดียวกันการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่หากไม่เกิดความรุนแรงก็คงจะไม่มีผลกระทบมากนัก

"นักลงทุนต้องรอดูความชัดเจนในแต่ละเรื่อง อย่าเทขายหุ้นออกมาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยนักลงทุนจะต้องติดตาม 2 เรื่องคือ การเมืองและการพิจารณาของกระทรวงพลังงานกับกลุ่มโรงกลั่นซึ่งคาดใช้เวลา 1สัปดาห์"

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐฯ เท่านั้น ดังนั้นต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพการบริหารจัดการเรื่องราคาน้ำมันของแต่ละประเทศ

ขณะที่การปรับขึ้นของราคาสินค้าเกษตรและอาหารส่งผลให้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยภาวะความกังวลจะหมดไปก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเป็นช่วงใด ซึ่งจะต้องติดตามดูสถานการณ์ตลาดโภคภัณฑ์ และน้ำมัน หรือกลุ่มโอเปกจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่

นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่มีการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ต้องรอดูว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนและรอดดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

จากปัจจัยต่างๆ บริษัทแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในระยะยาว หากเป็นนักลงทุนระยะสั้นเพียงสัปดาห์เดียวหรือเดือนเดียวอาจจะลำบาก เพราะมีความผันผวน จึงควรจะปรับพอร์ตเป็นการลงทุนระยะยาวเกิน 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งมองว่าภาวะการซื้อขายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อแรงเทขายของนักลงทุนชะลอหรือหมดไป

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงจาก 3 ปัจจัย โดยปัจจัยหลักจะเป็นเรื่องการที่กระทรวงการขอความร่วมมือกับทางผู้ประกอบการกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ให้มีการลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลดลง 1 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กลุ่มน้ำมันปรับตัวลดลง โดยมีผลกระทบต่อหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT ปรับตัวลดลง ซึ่งหุ้นกลุ่มปตท.ดังกล่าวมีน้ำหนักต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยถึง 30% จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยลดลงมาก

ทั้งนี้ ปัจจัยรองมาเป็นการลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ลดลงจากความกังวลในเรื่องความกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูง ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจให้มีการชะลอตัวและปัจจัยทางการเมืองจากการชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนธิปไตย ซึ่งจากปัจจัยภายในประเทศ เรื่องกระทรวงพลังงานขอความร่วมมือฯ และการชุมนุมทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค จากกังวลปัญหาการชะลอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2/51 และจากการที่กระทรวงการพลังงานที่ต้องการให้กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นมีการลดค่าการกลั่น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานมีการปรับตัวลดลง และจากปัจจัยการเมืองในประเทศการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากการที่เรามีปัจจัยทางเมืองนั้นส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยคงปรับตัวลดลงไม่เยอะ โดยจากปัจจัยดังกล่าวนั้นส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศมีการชะการลงทุน รอดูความชัดเจนทางการเมือง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีจะมีความผันผวนแกว่งตัวในกรอบแคบๆในระหว่างวันอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ในช่วงปิดตลาดอาจปรับตัวลดลง ซึ่งปกติแล้วการชุมนุมจะคึกคักในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ทำให้ระหว่างสัปดาห์นั้นอาจมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง โดยมองแนวรับที่ระดับ 849-851 จุด แนวต้านที่ระดับ 863-865 จุด

การเมืองกดดันพรีเมียร์เทรดวันแรก

นายโกสินทร์ กล่าวว่า บริษัท พรีเมียร์ มาร์เกตติ้ง จำกัด (มหาชน)หรือ PM เข้าซื้อขายหุ้นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองทำให้นักลงทุนมีการขายทำกำไรออกมา แต่จากการที่หุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นใหม่ นั้นก็จะมีแรงดึงดูดให้นักลงทุนระยะสั้นเข้ามาเก็งกำไร ทำให้ราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาไอพีโอไม่มากนัก


หุ้นเอเชียกอดคอกันร่วงถ้วนหน้า

ด้านดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง วานนี้ (26 พ.ค.) ปรับตัวลดลงอย่างหนักและต่อเนื่อง จากความกังวลของนักลงทุนในปัญหาเรื่องราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอาจกดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และบริษัทมีผลการดำเนินงานลดลง บวกกับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของฮ่องกง ที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นของไชน่า โมบาย จึงมีแรงเทขายหุ้นดังกล่าวออกมา

จากประเด็นดังกล่าวเป็นแรกกดดันที่สำคัญให้ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงอย่างรุนแรก ก่อนจะปิดที่ 24,127.31 จุด ลดลงจากวันก่อน 586.76 จุด หรือคิดเป็นอัตราส่วน 2.37%

ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวของญี่ปุ่น ลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 13,670.92 จุด ก่อนจะปิดที่ 13,690.19 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 322.01 จุด หรือคิดเป็น 2.3% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1.82 พันล้านหุ้น โดยมีปัจจัยหลักจากแรงเทขายทำกำไร หลังดัชนีดาวน์โจนส์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และเงินเยนที่แข็งแกร่งขึ้นส่งผลให้เกิดแรงขายในกลุ่มส่งออก

ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ปิดทรุดตัวลง 3.13% แตะระดับปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ที่ 3,364.544 จุด โดยอยู่เหนือจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 3,361.985 จุดเพียงเล็กน้อย โดยหุ้นบลูชิพได้รับแรงกดดันทั่วกระดาน ยกเว้นสำหรับกลุ่มเทเลคอมที่ได้แรงหนุนจากแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของรัฐบาล

ดัชนีสเตรทส์ไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ร่วงลงเกินคาดในเดือนที่แล้ว ส่งผลให้เป็นปัจจัยที่กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจและปัญหาเงินเฟ้อที่มีอยู่ในปัจจัย ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ 3,103.30 จุด ลดลง 18.85 จุด หรือคิดเป็น 0.6% ปริมาณการซื้อขาย 1.20 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.50 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์

ขณะที่ ตลาดหุ้นโซล ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) เกาหลีใต้ ปิดที่ระดับ 1,800.58 จุด ปรับตัวลดลง 27.36 จุด เปลี่ยนแปลง 1.50% และตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิต ปิดที่ระดับ 1,273.37 จุด ปรับลดลง 1.41 จุด เปลี่ยนแปลง 0.10%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us