“พลัสฯ-กุลพันธ์”เดินหน้าสร้างจุดขายต่างจากคู่แข่ง หวังดันยอดขายช่วงเศรษฐกิจขาลง พลัสฯชูทาวน์เฮาส์รูปแบบใหม่ "Flexible Options" ขณะที่กุลพันธ์ ผู้ประกอบการภูธร ขอเบียดแชร์ผู้ประกอบการส่วนกลาง ด้วยการส่งโครงการหรู”เบลเกรเวีย เรสซิเดนท์ส” ลงสนาม

การแข่งขันอย่างรุนแรงของตลาดที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้ประกอบการพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด ด้วยการสร้างจุดขายให้แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนอกเหนือจากทำเล และราคาแล้ว การออกแบบฟังก์ชันใช้สอยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับรองลงมา เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลือกซื้อบ้านจากรูปลักษณ์ ดีไซน์ การออกแบบฟังก์ชันใช้สอยภายในและนอกตัวบ้าน ทำให้ผู้ประกอบการหันมาสร้างจุดต่างจากคู่แข่ง ในด้านรูปแบบ และดีไซน์มากขึ้น

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ประกอบการที่สร้างจุดแข็งให้แตกต่างกับคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดทั้งการออกแบบ รูปแบบบ้าน กลุ่มเป้าหมาย ราคา ทำเล มาตลอด ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ที่เน้นการออกแบบให้มีความสวยงาม และฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจลูกค้า ซึ่งมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมากหลังจากทดลองทำตลาดในโครงการ"ทาวน์พลัส เกษตร-นวมินทร์" มานานกว่า 2 เดือน

ดุษฎี ตันเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ต่างกัน รวมถึงการเลือกบ้านที่มีความหลากหลาย จุดนี้ทำให้พลัสฯเห็นโอกาสในการสร้างยอดขาย จึงผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

โครงการ "ทาวน์พลัส เกษตร-นวมินทร์" เป็นทาวน์เฮาส์แนวคิดใหม่ "Flexible Options" ที่ลูกค้าสามารถเลือกออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้ตามความต้องการ มีแบบให้เลือกถึง 7 แบบ แต่ทั้งนี้ลูกค้าจะต้องเลือกฟังก์ชันของแบบบ้านภายใน 3 เดือน หากเกินกำหนดจะต้องใช้แบบบ้านของพลัสฯ โครงการดังกล่าวเป็นทาวเฮาส์ จำนวน 376 ยูนิต ราคา 3 .29 - 5.3 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 19.40 - 47 ตารางวา พื้นที่ 39 ไร่ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส ๆแรก 150 ยูนิต เฟสที่สอง 150 ยูนิต และเฟสที่สาม 76 ยูนิต เฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ปัจจุบันมียอดขายกว่า 80 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

สำหรับแผนลงทุนปีนี้ มีแผนจะเปิดตัวทาวน์เฮาส์ อีก 8 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวแล้ว 2โครงการคือ ทาวน์พลัส เกษตร-นวมินทร์ และหัวหมาก ส่วนที่เหลือจะทยอยเปิดในหลายทำเล เช่น เทพารักษ์ ประชาอุทิศ โยธินพัฒนาและอ่อนนุช ส่วนอีก 2 ทำเลอยู่ระหว่างการเจราซื้อที่ดิน

ขณะที่กลุ่มบริษัท กุลพันธ์ วิลล์ ผู้ประกอบการจากจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขยายการลงทุนมายังกรุงเทพฯเป็นโครงการแรก โดยกลุ่มกุลพันธ์รู้ดีว่าการทำตลาดในกรุงเทพฯแตกต่างจากในเชียงใหม่มาก ดังนั้น จึงได้สร้างจุดขายให้ฉีกจากคู่แข่งทั่วไป สิ่งที่กุลพันธ์เลือกมาใช้เป็นเครื่องมือในการแข่งขันคือ การออกแบบบ้านให้หรูหรา สอดคล้องกับสังคมในเมือง และตรงกับความต้องการของลูกค้า

สมภาคย์ ตระการกุลพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท กุลพันธ์วิลล์ กล่าวว่า โครงการแรกที่กลุ่มกุลพันธ์เริ่มลงทุนในกรุงเทพฯคือ โครงการเบลเกรเวีย เรสซิเดนท์ส เป็นคอนโดมิเนียมพักอาศัย ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 30/1 มีจำนวน 48 ยูนิต ราคา 39 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30 ยูนิต แบ่งเป็นลูกค้าต่างชาติ 45 % และคนไทย 15 % คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปลายปีนี้

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต บริษัทฯมีแผนจะเปิดโครงการใหม่แห่งที่ 14 ในเชียงใหม่ ในเดือน มิ.ย. นี้ เป็นบ้านเดี่ยว 80-90 ยูนิต เนื้อที่ 35 ไร่ ราคาตั้งแต่ 6-11 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ส่วนปีหน้า บริษัทฯมีแผนจะขยายการลงทุนไปยังขอนแก่น ซึ่งจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 200 หลัง พื้นที่ 100 ไร่ ราคา 5-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าไปพัฒนาโครงการที่ลำปางอีก ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะลงทุนในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาโครงการที่ 2 ในปีหน้าเช่นเดียวกัน โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ บนถนนพระราม 3 จำนวน 100 ยูนิต ราคาตารางเมตรละ 9 หมื่นบาทเศษ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท