|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ที.ซี.แนลเชอรัล เร่งขยายช่องทางจำหน่าย รับมือยอดขายรีเทลวูบ ผุดธุรกิจแฟรนไชส์บลิ๊งค์ หวังทะลวงภูธร โหมรูปแบบคีออส – ชอป จ่อคิวปั้นสินค้าใหม่รองรับการเติบโต ตั้งเป้า 3 ปี สร้างรายได้หลักกวาด 200 ล้านบาท สิ้นปีผลประกอบการรวม 370 ล้านบาท โต 25%
นายปิติ กิตติธีรพรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.แนลเชอรัล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บลิ๊งค์ โอเม็กซ์ – ทรี และเวคกี้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายผ่านรีเทล ดังนั้นบริษัทฯจึงได้วางแผนขยายช่องทางจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ภายใต้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม “บลิ๊งค์” โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัทฯเจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก เนื่องจากต้องการให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคต่างจังหวัดมากขึ้น โดยได้นำร่องธุรกิจแฟรนไชส์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดมีทั้งหมด 15 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมด ได้แก่ ที่สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า คาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส เดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยโมเดลแฟรนไชส์มีทั้งหมด 2 แบบ คือ คีออส มี 3 รูปแบบ สัดส่วน 70% และชอป ขนาดพื้นที่ 20 ตร.ม. ในสัดส่วน 30% ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 1.5-4 หมื่นบาท
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทฯเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดจึงได้เปิดตัวแฟรนไชส์บลิ๊งค์ จากที่ผ่านมาร้านค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังไม่มีรูปแบบร้านค้าที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามสินค้าในแฟรนไชส์บริษัทฯจะลดปริมาณลง โดยปกติจะบรรจุ 60 แคปซูล เหลือเป็น 10-20 แคปซูล เพื่อให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกำลังซื้อ ล่าสุดมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมธุรกิจ 10 ราย โดยตั้งเป้า 3 ปีจากนี้ธุรกิจแฟรนไชส์จะเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯถึง 200 ล้านบาท จากการมีทั้งหมด 200 สาขา ส่วนสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา
สำหรับนโยบายการตลาดบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป และโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยม เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและด้วยรสชาติ ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 7,560 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 42% จากมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.8 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโต 30-50% จากการมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ อายิโนะโมะโต๊ะ
“ปีนี้บริษัทฯวางงบการตลาด 50 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 35 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ 370 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 305 ล้านบาท หรือเติบโต 20% แบ่งเป็น รายได้จากการส่งออก 70% และภายในประเทศ 30% สำหรับในปีหน้านี้บริษัทฯจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 แบรนด์
|
|
|
|
|