|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โรซ่า ทุ่มงบ 70 ล้านบาท แตกไลน์อาหารพร้อมทานแบบสเตอรีไรส์ - ซอสปรุงรสสำเร็จชนิดซองรับไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ชูนโยบายรุกตลาดซอสหลังวัตถุดิบปลาขาดแคลน สิ้นปียอดขาย 2,4oo ล้านบาท
นางสาวนวนุช วังพิพัฒนมงคล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไฮคิว ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอส ปลากระป๋องโรซ่า และไฮคิว เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท แตกไลน์สินค้าใหม่ 2 ตัว ภายใต้แบรนด์ โรซ่า พร็อมท์ อิน วัน อาหารพร้อมทานรูปแบบใหม่ (RTE – Ready to eat) ผ่านกระบวนการสเตอริไรส์มีอายุ 1 ปี แตกต่างจากอาหารแช่แข็งโดยไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น และได้แตกเซกเมนต์ตลาดซอสปรุงรส ภายใต้โรซ่า เซฟ แอท โฮม ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ซองซึ่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำตลาด
ทั้งนี้ในกลุ่มอาหารพร้อมทานนำร่องเปิดตัวด้วยกัน 4 เมนู ได้แก่ สปาเก็ตติ้ซอสไก่ ข้าวแกงกะหรี่ไก่ ราคากล่องละ 55 บาท ส่วน ซุปเห็ด และซุปข้าวโพด ราคากล่องละ 35 บาท ราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งอาหารแช่แข็ง ส่วนกลุ่มซอสมี 3 รสชาติ ได้แก่ ซอสพริกไทยดำ ซอสเปรี้ยวหวาน และซอสเทริยากิ ขนาด 60 กรัมราคา 12 บาท ซึ่งในช่วงโปรโมชั่นจำหน่ายในราคา 10 บาท
นางสาวนวนุช กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดของบริษัทฯจะเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวก และประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เกิดความถี่ในการบริโภคสินค้าได้มากขึ้น เช่นการออกโรซ่า เซฟ แอท โฮม ซึ่งเป็นซอสปรุงรส ที่เหมาะกับการทำกับข้าวต่อมื้อ อย่างไรตามปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นกลุ่มซอสเป็นหลัก เนื่องจากวัตถุดิบปลาขาดแคลน ทำให้คาดว่ารายได้กลุ่มซอสเพิ่มขึ้น 30% เป็น 40% ส่วนปลากระป๋องเหลือจาก 60% เป็น 70%
สำหรับงบการทำตลาดประมาณ 50 ล้านบาทในการทำโฆษณา จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเน้นการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาทดลองบริโภคผลิตภัณฑ์ตามช่องทางจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีผลในการผลักดันยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 2,4ooล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 1,900 ล้านบาท ตลาดต่างประเทศ 500 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20-25% จากปีก่อน
|
|
|
|
|