จากปากซอยสุขุมวิท 25 เดินเลยอาคารกลาสเฮาส์ที่สูงตระหง่าน
ไปทางด้านหลังอีกนิดเดียว จะพบกับบ้านเก่า 2 ชั้น ที่ถูกปรับปรุง
เป็น "ดีวานา" การ์เด้นโฮมสปา สปาแห่งใหม่ใจกลางกรุง
พรรณไม้เมืองร้อนต่างๆ ที่ตกแต่งอย่างสวยงามใน Divana Spa ทำให้อากาศร้อนกลางเดือนพฤษภาคมในใจกลางเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร
ค่อยเย็นลง และเมื่อย่างเท้าเข้าไปข้างใน จะสัมผัสได้ กับการตกแต่งที่สวยงามแต่เรียบง่าย
ด้วยบรรยากาศของ "บ้าน" ที่อบอุ่น
พนักงานที่เข้ามาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม อธิบายโปรแกรม และขั้นตอนต่างๆ ในสปาแห่งนี้ให้ฟังอย่างละเอียด
พร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณของตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในสปา
ขอบคุณวันพักร้อนที่ยังเหลืออีก 1 วัน ทำให้ครั้งนี้ดิฉันมีเวลามากพอที่จะเลือกโปรแกรม
Body Treatment Spa Exclusive ซึ่งมีขั้นตอนหลักๆ คือ การขัดตัว พอกตัว Aromatherapy
Body Massage และแช่น้ำนม โดยใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง
สำหรับผิวที่เพิ่งโดนแดด โดนลม ในทะเลสวยน้ำใสจัดจากทะเล อันดามันในช่วงพักร้อนที่ผ่านมานั้น
เจ้าหน้าที่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ สำหรับขัดและพอกตัว ที่ทำมาจากถั่วเหลือง
ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน ช่วยได้มากในเรื่องฟื้นฟูสภาพผิวและให้อาหารผิวไปด้วย
พร้อมทั้งอธิบายถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ให้ฟัง เช่น งาดำจะทำให้ผิวชุ่มชื้น
ชาเขียวช่วยล้างและขจัดสารพิษ Lemongrass (ตะไคร้) และ ชาผลไม้ทำให้ผิวสดชื่น
และยังมีขิง มะพร้าว ข้าวโพด มะขามเปียกที่มีคุณสมบัติน่าลองอีกมากมาย
ส่วน Massage Oil วันนั้นดิฉันเลือกใช้กลิ่น Relax ซึ่งมีส่วนผสม หลักที่สกัดมาจากดอกลาเวนเดอร์
ช่วยสร้างความรู้สึกในการผ่อนคลาย น้ำมันที่ใช้นวดนี้เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส
เมื่อเลือกตัวผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และความต้องการ เรียบร้อยแล้ว
พนักงานจะพาเข้าไปในห้อง Treatment ที่นี่มีทั้งหมด 10 ห้อง มีสไตล์การตกแต่งแตกต่างกันไป
เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการบ่อยๆ เกิดความรู้สึกซ้ำซากจำเจ โดยเฉพาะในส่วนของห้องน้ำ
เช่น ห้องวนา จะมีโอ่งมังกรขนาดใหญ่ โรยดอกไม้หอมไว้นอนแช่ตัว ห้องกายา จะเป็นอ่างไม้
ส่วนห้องศิลา ก็จะเป็นอ่างโมเสก ที่สำคัญทุกห้อง จะมีห้องน้ำ ห้องแต่งตัว
และห้องสตรีม เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
วันนั้นดิฉันเลือกใช้ห้อง "วนา" ที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอ่อนผสมกลมกลืนไปกับสีครีม
เครื่องเรือนในห้องทุกอย่างเป็นไม้ และหวาย ม่านหน้าต่างเล็กๆ สีขาว ฉลุลายดอกไม้
ดูอ่อนหวาน วัสดุทุกอย่างที่นำ มาจัดวางสวยงาม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมที่จุดทิ้งไว้ล่องลอย
อยู่ในอากาศ คละเคล้าไปกับเสียงดนตรีเบาๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ ย่างเท้าเข้ามา
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินไปตีฆ้องเล็กๆ ข้างเตียงเป็นสัญญาณบอกพนักงานนวดที่รออยู่ด้านนอกว่าพร้อมแล้ว
วิธีการของโปรแกรมนี้จะเริ่มด้วยการชะโลมน้ำผึ้งให้ผิวชุ่มชื้นไปทั่วตัว
ต่อจากนั้นก็เข้าห้องอบไอน้ำอีกประมาณ 15 นาที เพื่อเปิดรูขุมขน ก่อนที่กลับมานอนให้พนักงานขัดไปทั่วตัวเบาๆ
หลังจากนั้นก็พอกตัวด้วยผลิตภัณฑ์ จากถั่วเหลืองเช่นกันจนทั่วตัว และพนักงานนวดก็ปล่อยให้นอนนิ่งๆ
อยู่พักหนึ่ง
ตอนนี้ล่ะ ที่เหลือบไปเห็นเจ้าแมวเหมียวทำจากไม้แกะสลักสองตัวมุมห้องนั่งคลอเคลียกันอยู่
แมวเป็นสัญลักษณ์ของความน่าเอ็นดู และความขี้เซา ยิ่งทำให้เคลิ้มหลับง่ายเข้าไปอีก
คนนวดจะเข้ามาปลุกเราจากภวังค์ด้วยการนวดเท้าเบาๆ ด้วยผ้าชุบ น้ำอุ่นจัด
หลังจากนั้นก็ต้องลุกขึ้นไปล้างตัวในโอ่งมังกรสีเขียวใบใหญ่ ก่อน จะกลับมานอนคว่ำหน้าบนเตียงใหม่
เพื่อเริ่มขั้นตอนของ Aromatherapy Body Massage ลีลาการนวดที่ฝึกปรืออย่างชำนาญ
จะเริ่มต้นจากปลายเท้าแต่ละข้างเลยเรื่อยมายังสะโพก เอว หลัง บ่า และคอ ไปจนจรดปลายผม
และสุดท้ายคือการได้ลงไปนอนในโอ่งมังกรใบใหญ่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำนม และกลีบดอกกุหลาบ
ลั่นทม กระดังงา ส่งกลิ่นหอมอบอวล
ขอแนะนำว่า ทุกวินาทีที่คุณอยู่ในห้องนี้ ควรปล่อยวางทุกอย่างที่เคร่งเครียดในสมองออกไปก่อนพักกายให้เคลิบเคลิ้มไปด้วยสัมผัสทางกาย
กลิ่น และเสียง เพื่อคุณจะได้เข้าถึงการรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ ของสปาอย่างแท้จริง
เกือบเคลิ้มหลับในอ่างอีกครั้ง แต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีนัดอีกครั้งตอน 6 โมงเย็น
เลยต้องลุกจากอ่างอย่างสุดแสนเสียดาย