Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์19 พฤษภาคม 2551
น้ำมันพุ่งศก.ไทยกระอักเลือด.! “ของแพง-โรงงานเจ๊ง”-ประชาชนรับกรรม             
 


   
www resources

โฮมเพจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

   
search resources

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
Economics




ส.อ.ท.ระบุน้ำมันพุ่งภาคการผลิตกระอักเลือด ทั้ง“ต้นทุน-ขนส่ง-ค่าครองชีพ”ที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัว ชี้ผู้ประกอบการเริ่มถอดใจ “ปิดกิจการ-ลอยแพ”คนงานบ้างแล้ว ขณะที่ “โลจิสติกส์” ซึมยาวเพิ่มค่าขนส่งสูงปรี๊ด! ขณะที่ “เรือโดยสาร-ขสมก.-รถร่วม” จ่อขึ้นค่าโดยสารอีก ยืนยันแบกรับภาระขาดทุนไม่ไหวแล้ว ด้าน “ประชาชน” รับกรรมของแพง-ค่าโดยสารเพิ่ม รอสินค้า “ธงฟ้า” จากภาครัฐเท่านั่น.!

ในสภาวะที่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกทะลุ 120 เหรียญ/บาร์เรลโดยราคาหน้าปั๊ม ณ วันที่ 12 พ.ค. 2551 ราคาน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 (ULG 95 RON) ขายลิตรละ 37.09 บาทขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (HSD, 0.05%S) ขายที่ลิตรละ 34.44 บาทแน่นอนจากสภาวะการดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน –การขนส่ง(โลจิสติกส์)หรือทุกๆธุรกิจที่ใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบ ขณะที่ประชาชนก็ได้รับผลกระทบตามมาเป็นลูกระนาดไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวของที่แพงขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ถีบตัวสูงขึ้นเกือบเท่าตัว

ทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่ว่าระบบขนส่งมวลชน หรือ เรือโดยสาร ก็จ่อจะขึ้นอีกตามมาในระยะอันใกล้นี้ แต่ค่าจ้างแรงงาน รายได้กลับเท่าเดิมนี่คือวิบากกรรมของคนไทยที่ต้องแบกรับ เมื่อเหลียวมองไปทางฝั่งรัฐบาลก็เห็นแต่เรื่องการเมือง การแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนคนไทยจึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไม่มีทางหลีกเหลี่ยงได้

ต้นทุนพุ่งภาคการผลิตเจ๊ง.!

ปิดโรงงาน –ลอยแพแรงงาน

รายงานของอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้ราคาน้ำมันไม่น่าจะมีโอกาสปรับตัวต่ำลงได้เนื่องจากความต้องการใช้มีมากกว่าการผลิตประมาณ 1% รวมทั้งสถานการณ์ของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงทำให้มีการขึ้นราคาน้ำมัน โดยส.อ.ท.เชื่อว่าราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปอย่าง
แน่นอน

อย่างไรก็ดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันที่ได้ปรับขึ้นประมาณ 25% ส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่โดยมาจากหลายสาเหตุ อาทิ 1.)ต้นทุนการผลิตที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น 2.)ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ หรือการขนส่งทั้งทางน้ำและอากาศได้รับผลกระทบมาก โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ต้นทุนค่าขนส่งจากเดิมอยู่ที่ 35% ของต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 50-55% ของต้นทุนทั้งหมดและ 3.)ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้รายได้ของแรงงานต่ำลง ส่วนเจ้าของโรงงานเองก็ประสบปัญหาทางด้านการเงินทำให้ต้องเลิกจ้างแรงงานส่วนหนึ่งทำให้แรงงานตกงาน

"ผลกระทบจากราคาน้ำมันทำให้หลายอุตสาหกรรมท้อใจและมีการปิดตัวลง เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มราคาไม่ได้ ตอนนี้มีรายงานว่าหลายกิจการเริ่มปิดตัวเองลงไปแล้วอาทิ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อาหารเกษตรและแปรรูป" นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุ

โลจิสติกส์อ่วมน้ำมันพุ่ง.!

ในการด้านการขนส่งหรือโลจิสติกส์นั้นก็ลำบากไม่แพ้กันเพราะต้นทุนจากราคาน้ำมันทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น “ว่าที่ร.ต.ธเนศร์ โสรัตน์ ” รองประธานกรรมการ และบริษัทในเครือ V-SERVE GROUP (บริษัทผู้ให้บริการ Logistics ครบวงจร) มองว่า ปัญหาที่ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเผชิญคือ ปัญหา ปัญหาการถดถอยทางเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศที่เกิดจากปัญหาซับไพรม์, ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะจากปัจจัยภาวะน้ำมัน, ปัญหาการการแข่งขันทางด้านราคาและการเข้าถึงตลาดของผู้ประกอบการ SMEs และการเปิดการค้าเสรี ทำให้รูปแบบการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบสากลมากขึ้น

ขณะที่ต้นโลจิสติกส์ต่อ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น 19 -21% ส่วนตุ้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 12-15 % ซึ่งปัญหาของโลจิสติกส์ในภาคธุรกิจไทยนั้นมาจากหลายสาเหตุด้วยกันคือ 1. การขาดบูรณาการโซ่อุปทาน เนื่องจากขาดการจัดการโซ่อุปทานระหว่าง ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และผู้บริโภคของสินค้า 2.ไม่สามารถนำองค์ความรู้เรื่องโลจิสติกส์ไปปฏิบัติได้จริงในเรื่องการทำธุรกิจ 3. ต้นทุนขนส่งกระจุกตัวอยู่ที่การขนส่งทางถนนถึงร้อยละ 86 เนื่องจากขาดโครสร้างทางรางและทางน้ำที่ดี และสุดท้าย 4.ต้นทุนสินค้าคงคลังซึ่งเป็นร้อยละ 47% ของต้นทุนโลจิสติกส์ที่ไม่สามารถส่งมอบของได้ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ระบบขนส่งทั่วประเทศที่ใช้ถนนกว่าร้อยละ 86% ที่ต้องใช้น้ำมันหากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งผู้ประกอบการขนส่งต่างๆในประเทศก็ต้องเพิ่มค่าขนส่ง ผู้ผลิตก็เพิ่มราคาสินค้า พ่อค้าก็เพิ่มราคาขาย ผลสุดท้ายประชาชนผู้บริโภคคือผู้แบกรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั่นคือสิ่งที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้

BOI เผยลงทุน 4 เดือนแรกยังไปได้สวย

แม้ว่าภาพรวมของภาคการผลิตจะมีผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะปิดกิจการและลอยแพคนงานตามมา ตามที่รองประธานสภาอุตฯ ระบุไว้ แต่ในด้านภาคการลงทุนนั้น มีตัวเลขการขอรับส่งเสริมการลงทุนล่าสุดจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพิ่มขึ้นทุกตัวโดยหากเปรียบเทียบตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2550 กับปี2551 ในช่วงเดียวกันพบว่า ในส่วนของจำนวนรายมีผู้สนใจขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากจากช่วงม.ค.-เม.ย.2550ที่ 408 เพิ่มขึ้นเป็น 449 ราย ส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นจากม.ค.-เม.ย.2550 ที่ 145.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีนี้เป็น 159.9 พันล้านบาท โดยเฉพาะนักลงต่างชาติยังให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เช่น นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นที่ครองอันดับหนึ่งต่อเนื่องและจากกลุ่มยุโรปที่กำลังมาแรงในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่จำนวนโครงการของนักลงทุนต่างชาติลงทุนในไทยสูงสุด 6 อันดับแรกได้แก่ ญี่ปุ่น , ยุโรป,ไต้หวัน,อเมริกา,ฮ่องกง และสิงคโปร์ที่เพิ่มจำนวนโครงการผลิตเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นของต่างชาติ 100% เพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค.- เม.ย.2550 ที่ 130 โครงการเป็น 181โครงการในช่วงเดียวกันของปีนี้โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชาวต่างชาติสนใจลงทุนมากที่สุด อาทิ เคมี, กระดาษและพลาสติก,บริการและสาธารณูปโภค, เหมืองแร่ เซรามิกส์ และ โลหะพื้นฐาน เป็น ต้น สิ่งเหล่านี้พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศน่าลงทุนในสายตาของชาวต่างชาติ

สั่งทบทวนต้นทุน 373 รายสินค้า

เมื่อภาคการผลิตของประเทศ การขนส่ง การลงทุน รวมถึงการจ้างงานมีปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้นั่นคือประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือ รายได้ประจำต้องลำบากในสถานการณ์อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้

โดยรัฐบาลพยายามควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป ด้วยการควบราคาสินค้าให้เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง แม้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะมาจากปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังศึกษาและวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ 373 ราย การว่ามีต้นทุนเปลี่ยนแปลงเช่นไร หากสินค้ารายการใดมีต้นทุนผลิตที่ลดลงก็ต้องปรับลดราคา แม้สินค้าบางรายการที่ขอปรับขึ้นราคามาแล้ว หากต้นทุนวัตถุดิบลดลงก็ต้องปรับลดด้วย เพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค และควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้อยู่ในระดับสูงเกินไป

ขณะเดียวกันกำลังศึกษาผลต่อการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงทบทวนต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศที่ได้ผลดีจากอัตราแลกเปลี่ยนที่บาทแข็งค่าขึ้น

“ รถ-เรือ” เอาแน่ขอขึ้นค่าโดยสาร

ไม่เพียงเท่านั้นที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบจากราคาข้าวของที่แพงขึ้นการเดินทางบริการสาธาณะทั้งทางรถ-เรือก็จ่อรอเพิ่มราคาในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยสมาคมเรือไทย ได้ทวงสัญญารัฐบาลว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน 3 บาทจะต้องอนุมัติให้ผู้ประกอบการขึ้นค่าโดยสารอีก 2 บาท โดยการปรับราคาครั้งที่ผ่านมาได้ปรับไปเมื่อราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในช่วงราคา 29-31 บาทต่อลิตรแต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลปรับไปเกิน 33 บาทต่อลิตรแล้ว ทำให้ต้นทุนน้ำมันของการเดินเรือสูงขึ้น กว่าร้อยละ 32 มาแตะที่ระดับร้อยละ 50 แล้ว โดยเบื้องต้นราคาเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือคลองแสนแสบจะขอขึ้นราคาค่าโดยสารระยะละ 2 บาท

ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็อ้างว่าต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ลิตรละ 24 บาทจนขณะนี้มาอยู่ที่ลิตรละกว่า 33 บาททำให้ ขสมก. มีต้นทุนการเดินรถสูงขึ้นกว่าวันละ 2 ล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนรถร่วมบริการของ ขสมก.ก็มีภาระหนักเช่นเดียวกัน เนื่องจากตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดว่าเมื่อราคาน้ำมันขึ้นไปครบ 3 บาทจะต้องอนุมัติให้ผู้ประกอบการขึ้นค่าโดยสารอีก 1 บาท เพราะราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นจากฐานเดิมถึง 6 บาทแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับราคาไปแค่ 50 สตางค์เท่านั้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ ขสมก.และรถร่วมบริการมีภาระสูงขึ้นทั้งค่าน้ำมันและมีปัญหาการจัดการเกี่ยวกับเศษสตางค์ด้วย

ด้านสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารแห่งประเทศไทย นาง สุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” นายกสมาคมฯก็ออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่า ผู้ประกอบการเอกชนขอขึ้นค่าโดยสารอีก 9 สตางค์ต่อกิโลเมตรเพื่อชดเชยค่าน้ำมันค่าอะไหล่และค่าต้นทุนอื่นที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก

แนะ “รัฐ” เพิ่มเงินให้ประชาชน

ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย กล่าวว่า การดูแลราคาสินค้าทุกคนเห็นด้วยแต่ต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงโดยเบื้องต้นเห็นว่าควรจะทำ 3-4 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องเพิ่มเงินในมือประชาชนเพราะเมื่อประชาชนมีเงินมากขึ้น ราคาสินค้าขึ้นก็คงไม่มีปัญหา ส่วนการแก้ปัญหาที่แท้จริงรัฐบาลจะต้องยอมใช้เงินของตัวเองเข้ามาแทรกแซง เช่น การลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ การลดภาษีรายได้ให้กับผู้ประกอบการ เพราะหากช่วยลดต้นทุนตรงนี้ได้ เชื่อว่าสินค้าจะไม่แพงขึ้นมาก

ส่วนการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อเพราะรัฐบาลนำเงินตัวเองมาเพิ่มให้กับข้าราชการ แต่หากลูกจ้างจะมีการเรียกร้องขอให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างด้วยเป็นการเพิ่มกำลังซื้อก็จริง แต่กลับเป็นภาระของผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินใจให้ดีก่อนดำเนินนโยบาย

ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าภาครัฐจะมีนโยบายอะไรออกมาอีกหรือไม่ เพราะในสภาวะที่ไม่แตกต่างจากคำว่า “ยุคข้าวยากหมากแพง” ประชาชนที่มีรายได้น้อยๆอยู่อย่างไรในเมื่อทุกอย่างรอบตัวขึ้นราคาไปหมด หรือจะให้ประชาชนพึ่งแต่สินค้า “ธงฟ้า” ของภาครัฐเพียงอย่างเดียวประชาชนคงได้แต่รอชะตากรรมของตัวเองไปวันๆเท่านั้นเอง..!   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us