แม้พื้นที่โดยรวมของห้องเลขที่ 1511-1512 บนชั้นที่ 15
อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ จะดูไม่ยิ่งใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับชื่อเสียง
และเกียรติประวัติกว่า 120 ปีของมหาวิทยาลัยวาเซดะ
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสถาบันแห่งนี้ และเล็กน้อยเหลือเกิน
หากพิจารณาจากสถานะของเครือสหพัฒน์ ที่เป็นต้นทางของแนวคิด
ในการร่วมมือจัดตั้งสถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ
หากแต่วิสัยทัศน์ที่ถูกผลักให้หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
กลับดำเนินไปท่ามกลางมิติที่น่าสนใจยิ่ง
เนื่องเพราะแผนงานในการเปิดบริการด้านการศึกษาของเครือสหพัฒน์ มิได้เป็นสิ่งที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในช่วงข้ามคืน
ภายใต้กระแสการขยายตัวทางธุรกิจโรงเรียนนานาชาติของภาคเอกชนที่ดำเนินต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
หากแต่เป็นกรณีที่มีพัฒนาการและวิสัยทัศน์ เจาะลึกลงไปในกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
แนวความคิดที่จะสร้างสถาบันการศึกษาในระดับเตรียมอุดมศึกษา และระดับวิทยาลัยสำหรับบุตรหลานนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น
ที่เข้ามาประกอบสัมมาชีพในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มนักเรียนไทยที่ต้องการศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้นตามระบบการศึกษาของญี่ปุ่น
เป็นแรงผลักดันให้เครือสหพัฒน์กำหนดเป้าหมาย และเตรียมการที่จะลงทุนครั้งใหญ่ในพื้นที่บางส่วนภายในสวนอุตสาหกรรมของเครือสหพัฒน์
ที่ศรีราชา มาตั้งแต่ช่วงปี 2538 แล้ว
"ที่ผ่านมาบุตรหลานของนักธุรกิจญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทย มักต้องส่งบุตรหลานกลับเมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมต้น
เพราะไม่มีโรงเรียนญี่ปุ่นในประเทศไทยรองรับ ในระดับที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน
นักเรียนเหล่านี้ต้องการหลักประกันในมาตรฐานสำหรับการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นเอง"
ศ.ดร.ไพศิษฐ์ พิพัฒนกุล กรรมการและอาจารย์ใหญ่ สถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ
บอก "ผู้จัดการ"
ช่องว่างในเรื่องบริการด้านการศึกษา ย่อมเป็นโอกาสในการประกอบธุรกิจ แต่สำหรับบุณยสิทธิ์
โชควัฒนา ในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของเครือสหพัฒน์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจการค้ากับประเทศญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง
และมีแนวความคิดที่จะเปิดโรงเรียน High School ที่มีมาตรฐานแบบญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน
ก่อนที่จะสำรวจเตรียมการอย่างจริงจังในช่วงปี 2538 นี่มิใช่เพียง การ diversify
เพื่อขยายฐานทางธุรกิจอย่างดาดๆ หากแต่สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของชาติในระยะยาว
อีกด้วย
เพราะท่ามกลางการผลักดันให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ชุมชนชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว กลายเป็นประชาคมที่มีขนาดใหญ่และทวีความสำคัญขึ้น
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลเมืองท้องถิ่น และเฉพาะชุมชนชาวญี่ปุ่นในเขตอำเภอศรีราชาในปัจจุบัน
ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 6 ของชาวญี่ปุ่นที่พำนักในประเทศไทยเลยทีเดียว
เครือสหพัฒน์ ได้หารือและศึกษาความเป็นไปได้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยวาเซดะอย่างต่อเนื่อง
โดยวาเซดะเองก็มีความมุ่งหมายที่จะขยายตัวเป็นสถาบัน การศึกษาสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วย
ซึ่งหากไม่เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 บางทีความร่วมมือของภาคธุรกิจไทยและมหาวิทยาลัยเอกชนจากญี่ปุ่นแห่งนี้
อาจเป็นตัวอย่างของการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากกรณีหนึ่ง
และสังคมการศึกษาไทยอาจมีโอกาสได้ต้อนรับสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติแห่งใหม่
ในท่วงทำนอง ที่อลังการกว่าที่เป็นอยู่นี้
การย่นย่อเป้าหมายให้หดเล็กลงกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาทดแทนโครงการขนาดใหญ่ที่เคยกำหนดไว้
.จากเงินลงทุนกว่าพันล้านบาทถูกปรับลดให้สอดคล้องกับภาวการณ์ที่เป็นจริงสำหรับโครงการใหม่
ที่กลับมามุ่งเน้นที่กลุ่มเป้าหมายนักเรียนนักศึกษาชาวไทย ที่สนใจ ไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่น
และกลุ่มคนในวัยทำงานที่ต้องการเพิ่มโอกาสในวิชาชีพ ให้สามารถใช้งานภาษาญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแทน
"แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องไม่เปลี่ยนอยู่ที่มาตรฐานของ การเรียนการสอน ซึ่งนอกจากจะมีอาจารย์ชาวญี่ปุ่นจาก
มหาวิทยาลัยวาเซดะ มาเป็นผู้สอนแล้ว การลงทุนเกี่ยวกับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นห้อง
sound lab และระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการฝึกทักษะการใช้ภาษาในการสื่อสาร ก็เป็นไปท่ามกลางมาตรฐานเดียวกันกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นในมหาวิทยาลัยวาเซดะด้วย"
Shuichi Takahashi ผู้ประสานงานโครงการและหลักสูตรของ Waseda Education ย้ำ
มาตรฐานและคุณภาพทางการศึกษาที่กล่าวถึงนี้ ย่อมหมายถึงหลักสูตร Intensive
Japanese Language Program ซึ่งนักศึกษาชาวต่างประเทศส่วนใหญ่จำเป็นต้องเรียนเพื่อเป็นการปูพื้นฐานด้านภาษา
ก่อนที่จะเข้าเรียนในสาขาวิชาอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยในลำดับต่อไป
ข้อได้เปรียบประการสำคัญของสถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ อยู่ที่ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการ
เดินทางไปเรียนภาษาในประเทศญี่ปุ่นกว่า 5-6 เท่า แม้ว่าในปัจจุบัน ค่าเรียนในหลักสูตรแบบเต็มเวลา
ที่ต้องใช้เวลารวม 1 ปี จะอยู่ในระดับ 200,000 บาทต่อหลักสูตรก็ตาม
ขณะที่ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เข้าศึกษา ที่ระบุว่าต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาขั้นต่ำตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
5 หรือ 6 และมีผลการเรียน (GPA) ในระดับ 3.0 ขึ้นไป เป็นประหนึ่งข้อบ่งชี้ในเรื่องกลุ่มเป้าหมายของสถาบันแห่งนี้อย่างชัดเจน
"ผู้ที่เข้ามาเรียนในสถาบันฯ ส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีความตั้งใจที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้ว
บริการที่สถาบันฯ จัดเตรียมให้จึงมิได้อยู่ที่การเรียนการสอนด้านภาษาเท่านั้น
หากยังให้บริการด้านการแนะแนวการศึกษา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นที่มหาวิทยาลัยวาเซดะเท่านั้น
แต่พิจารณาจากสาขาวิชาที่นักเรียนแต่ละรายสนใจ รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับทุนการศึกษาด้วย"
นอกจากการจัดหลักสูตร Pre-University Japanese Studies Program ซึ่งเป็นหลักสูตรเข้มข้น
1-2 ปี สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่นในพื้นที่ของสถาบันฯ
บนชั้นที่ 15 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์แล้ว หลักสูตรภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน
สำหรับบุคลากรในวัยทำงาน ที่เปิดสอนในพื้นที่สวนอุตสาหกรรม เครือสหพัฒน์
ศรีราชา ก็เป็นการสานต่อเป้าหมายดั้งเดิมที่จะให้บริการด้านการศึกษาในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมแห่งนี้อีกทางหนึ่ง
ความแตกต่างอย่างสำคัญอีกประการหนึ่งของสถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ
เมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันสอนภาษาแห่งอื่นๆ อยู่ที่หลักสูตรการเรียนการสอนของสถาบันแห่งนี้
มิได้จำกัดบทบาทอยู่เพียงการพัฒนาขีดความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น
หากยังผนวกวิชาว่าด้วย ญี่ปุ่นศึกษา เพื่อขยายความเข้าใจเกี่ยวกับระบบวัฒนธรรม
การเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินชีวิตแบบญี่ปุ่น ซึ่งย่อมเป็นการส่งผ่านรูปแบบของพฤติกรรมและคุณค่าทางสังคมแบบญี่ปุ่นที่ทรงพลานุภาพยิ่ง
แม้ว่า "ลมตะวันออก" ที่พัดแรงในห้วงหลายปีที่ผ่านมา จะได้รับการกำหนดนิยามในลักษณะที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญไปที่กระแส
"จีนศึกษา" หรือแม้กระทั่งความพยายามที่จะบัญญัติให้ยุคสมัยปัจจุบันเป็นประหนึ่ง
"จีนาภิวัตน์" ที่ติดตามมาด้วยความนิยมในการเรียนภาษาจีนอย่างกว้างขวางก็ตาม
แต่คงเป็นกรณีที่ปฏิเสธได้ยากว่า บทบาทและสถานะของญี่ปุ่นในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมไทย
ยังดำเนินไปอย่างโดดเด่น อีกทั้งภายใต้บริบทของ "โลกาภิวัตน์" ที่มิได้มีความหมายตีบแคบเฉพาะเพียงเรื่องราวของการเคลื่อนย้ายเงินทุนหรือแรงงาน
หากยังขยายไปสู่การไหลเทของมิติทางวัฒนธรรมนั้น ดูเหมือนว่า ญี่ปุ่นยังดำรงสถานะเป็น
"ผู้ส่งออก" ที่อุดมไปด้วยยุทธศาสตร์ และกุศโลบายแยบคายที่สุดรายหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
และท่ามกลางกระแสธารของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หลั่งไหลแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของสังคมไทย
การปรากฏตัวขึ้นของสถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ กำลังเป็นอีกกลไกหนึ่งที่เชื่อมประสานทัศนะของผู้คน
จากดินแดนที่ห่างไกลให้เบียดใกล้เข้ามาอย่างน่าสนใจติดตามยิ่ง
อยู่ที่ว่าวิสัยทัศน์ของ Waseda Education Thailand ในฐานะผู้ดำเนินการสถาบันภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นแห่งนี้
จะมีความลุ่มลึกและหยั่งรากเข้าสู่การรับรู้ของสังคมไทยในระดับใด