Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 พฤษภาคม 2551
สินเชื่อบุคคลครึ่งปีหลังแข่งเดือด 'เคทีซี-แคปปิตอล'หันลุยปล่อยกู้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
นิวัตต์ จิตตาลาน
Loan




เคทีซีหวนเจาะกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท โดยให้สินเชื่อแบบขั้นบันได ระบุผลสำรวจชี้ลูกค้ากลุ่มนี้มีการรักษาเครดิตที่ดี และอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 28% ครอบคลุมความเสี่ยงได้ ด้านแคปปิตอลโอเค รอจังหวะโหมสินเชื่อ หลังจัดการบริหารความเสี่ยงให้นิ่งก่อน คาดเดินหน้าธุรกิจได้ครึ่งหลังของปี ตั้งเป้า 2-3 ปี เห็นธุรกิจบัตรเครดิตเริ่มมีกำไร

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นทำตลาดสินเชื่อบุคคล โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับล่าง หรือมีรายได้ประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะเป็นการปล่อยสินเชื่อเป็นแบบขึ้นบันได โดยเริ่มจาก 1.5 เท่าของรายได้ จนถึงไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ ซึ่งเป็นการเกณฑ์ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดไว้

ทั้งนี้ การที่เคทีซีตัดสินใจลงมาปล่อยสินเชื่อบุคคลตลาดล่าง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา เคทีซีได้มีการว่างจ้างบริษัทเอซี นิวสัน จำกัด มาสำรวจข้อมูล ซึ่งผลจากการสำรวจพบว่า กลุ่มคนที่มีรายได้ต่อเดือน 8,000-10,000 บาท มีการรักษาเครดิตดี และมีความรู้เรื่องของเครดิตบูโร ประกอบกับคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าตลาดแรงงานอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

"การที่ได้ลงมาเจาะลูกค้าในกลุ่มที่มีรายได้ 8,000-10,000 บาท ก็ต้องการให้คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มเข้าตลาดแรงงาน สามารถใช้บริการสินเชื่อได้ ประกอบกับในปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความรู้เรื่องเครดิตบูโรเป็นอย่างดี ทำให้มีการรักษาเครดิต เพื่อใช้เป็นฐานในการกู้ซื้อบ้าน และกู้ซื้อรถต่อไป"

นายนิวัตต์ กล่าวอีกว่า จากการทดสอบตลาดพบว่าในแต่ละเดือนมีลูกค้าใบสมัครใช้สินเชื่อบุคคล 10,000 ราย โดยเคทีซีอนุมัติสินเชื่อเพียง 20-30 % ของใบสมัคร เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยวงเงินที่อนุมัติจะอยู่ที่ 1.5 เท่าของรายได้ ดังนั้นถ้าเกิดหนี้เสียจะเป็นจำนวนที่น้อย ประกอบกับลูกค้าในกลุ่มนี้เคทีซีคิดอัตราดอกเบี้ย 28% ต่อปี ซึ่งถือว่าครอบคลุมกับหนี้เสียที่เกิดขึ้น

สำหรับสินเชื่อบุคคลปัจจุบันเคทีซีมีพอร์ตอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อที่ปล่อยในกรุงเทพมหานครมีสัดส่วน 60% และอีก 40% เป็นสินเชื่อที่ปล่อยในต่างจังหวัด ขณะที่มีหนี้เสียของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ประมาณ 7% ของสินเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่รับได้ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะทรงๆ ตัว แต่บริษัทยังจำเป็นต้องทำตลาดทั้งสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตต่อไป เพราะหากไม่ทำตลาดก็จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดลดลง

แคปปิตอลโอเครอโหมสินเชื่อช่วงครึ่งปีหลัง

ด้านนายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต กรรมการบริหาร บริษัทเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP และกรรมการผู้จัดการ บริษัทแคปปิตอล โอเค จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อใหม่ของบริษัทยังค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการจัดระบบการบริหารความเสี่ยงและการจัดเก็บหนี้ที่ได้ตัวเป็นหนี้สูญไปในช่วงที่บริษัทชะลอการดำเนินกิจการ และคาดว่ายอดสินเชื่อใหม่จะเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป เนื่องจากในช่วงเดือนมิถุนายนจะมีการสรุปแผนงานของบริษัทอย่างชัดเจนว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าในส่วนไหนและจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ สินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อเงินสดพร้อมใช้และบัตรเครดิต จากเดิมก่อนที่ทาง ACAP จะเข้าถือหุ้นของบริษัท 51% และบริษัท ORIX Corporation ถือหุ้นอยู่ 49% นั้นทางบริษัทได้มีการให้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อเงินผ่อนและสินเชื่อเช่าซื้อด้วย แต่ที่ผ่านมาได้มีการชะลอการให้บริการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปเนื่องจากยังไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่ในขณะนี้ได้มีการทบทวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อเงินผ่อนโดยอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์ว่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หรือไม่

"ในช่วง 3เดือนแรกทางเราจะเข้าไปช่วยพัฒนาการจัดเก็บหนี้ก่อน ส่วนในไตรมาส 2 นี้คงจะเห็นผลการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น โดยทาง ACAP ได้เข้ามาถือหุ้นนี้ก็เพราะทางเทมาเส็กเขาต้องการจะขายออกเพราะเขาไม่ชำนาญ ส่วนสิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือเรื่องของการจัดการบริหารความเสี่ยงให้นิ่งก่อนจะเดินหน้าไปยังการจัดกระบวนการอื่น ๆ เพื่อรองรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่"

นายศฤงคาร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดบัตรเครดิตอยู่ที่ 55,000 บัตร หนี้คงค้าง 850 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจคือ หากต้องการให้ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตมีกำไรจะต้องมีฐานบัตรอยู่ที่ 200,000-300,000 บัตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า สำหรับพอร์ตสินเชื่อรวมก่อนตั้งสำรองอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ได้ตัดเป็นหนี้สูญไปแล้ว 5,200 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us