ถ้าการรังสรรค์โครงการดึงดูดผู้ซื้อให้สนใจและตกลงใจซื้อโครงการได้ทันทีมีความสำคัญฉันใด
ผู้บริหารการขายก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า และบางทีอาจมากกว่าสองสามเท่าด้วยซ้ำ…
ในยุทธจักรนักขายมีคนไม่มากที่จะไม่รู้จักจอห์น ยัง !!!~
เช่นเดียวกับหลายคนที่บอกว่า นอกจากจะเป็นนักขายมือเซียน จอห์น ยัง ยังเป็นนักประชาสัมพันธ์ตัวฉกาจ
และที่สำคัญ จอห์น ยัง กับงานวันนี้ของเขาแทบจะเรียกได้ว่า เป็น "ลมหายใจ"
ของบรรดาเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าการลงทุนห้าร้อยล้านขึ้นไป
2 - 3 โครงการในปีนี้ และในจำนวนอีกใกล้เคียงกันอีกในปีหน้า
บริษัทของเขา "จอห์น ยัง ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง อาร์ คิเท็ค
แอนด์ อินทิเรียร์ ดีไซน์" ชื่อบริษัทค่อนข้างยาวอย่างนี้ แต่ก็ชัดเจนว่า
จอห์น ยัง แตกต่างจากวันก่อนแค่ไหน มิพักต้องกล่าวถึงความมั่นใจในตัวเองของเขา
การขยายบริการหลากหลายมากกว่าเดิมก็คงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเขาได้เป็นอย่างดี
จอห์น ยัง จบการศึกษาจากอัสสัมชัญ ศรีราชา แล้วมาต่อคอมเมิร์ช เมื่อเขาอายุได้สิบเก้าปี
ครอบครัวเกิดปัญหาทางการเงิน เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นับจากนั้นมาเขาต้องปากกัดตีนถีบช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด
เมื่อจอห์นจบคอมเมิร์ช เริ่มเข้าทำงานครั้งแรกกับโรงแรมเอราวัณ เป็นเสมียนด้วยเงินเดือนเพียงน้ยอนิด
จากนั้นเขาสมัครสอบเพื่อชงิทุนเป็นเทรนนีของเชน ในเครือโรงแรมไฮแอทอินเตอร์เนชั่นแนลที่ฮ่องกงไปใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกงห้าปี
ก่อนกลับมากรุงเทพฯ ทำงานที่ไฮแอทพัทยาพาเลซ
อยู่ที่นั่นได้เพียง 6 เดือน ชีพจรก็ลงเท้าอีกครั้ง หลังจากเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายต้อนรับ
เขาก็ถูกส่งไปฝึกงานการตลาดและงานบริหารห้องพักที่ไฮแอทสิงคโปร์หกเดือน
ชีวิตการทำงานของจอห์น ยัง เต็มไปด้วยการเดินทางและการเปลี่ยนแปลง แต่จอห์น
ยัง บอกว่าเขารักที่จะใช้ชีวิตอย่างนั้น จากสิงคโปร์เขามาทำงานที่ไฮแอท รามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายห้องกับการตลาด
ซึ่งขณะนั้นอายุของเขาเพิ่ง 28 ปีเท่านั้น
ชะตาชีวิตให้เขาต้องย้ายงานอีก เขาถูกส่งไปเรียนซัมเมอร์คอร์สด้านดีเวลลอปเม้นท์
และมาร์เก็ตติ้ง อยู่สองปี
"หลักสูตรที่สอนก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้โรงแรมที่จะเจ๊งมิเจ๊งแหล่ฟื้นคืนมาได้
โรงแรมดี ๆ ก็มีพวกโฮเต็ล แม้กระทั่งเป็นโรงแรมกระจั๊ว ที่นี่สอนหมดว่า เราจะทำให้มันดีขึ้นมาได้อย่างไร"
จอห์น ยัง อธิบายหลักสูตรให้ฟัง
จากนั้นออกมาทำงานที่สยาม อินเตอร์ คอนติเนนตัล สองปี คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช
ก็ชวนไปช่วยบริหารโรงแรมทรอปิคกาน่า อยู่ได้ไม่นานก็ออกมาอีก
จากจุดนี้เอง เขาเริ่มสนใจใฝ่หาธุรกิจ หรืองานที่เป็นอิสระ เป็นนายของตัวเอง
และนอกจากนั้นยังต้องสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ที่มีอยู่ได้ด้วย
ซึ่งงานที่ว่าก็ไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ
จอห์น ยัง จับงานด้านแฟชั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะมาจับงานบริหารโครงการเดอะมอลล์
โครงการแรก ๆ ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในยุทธจักรนักขาย
ผลงานของ จอห์น ยัง ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็เช่น เดอะมอลล์ 4 - 5 อาคารซิโนไทย-อโศก
คันทรีวิลล่า มาจนถึงฟิฟตี้ฟิฟท์ ทาเวอร์ ที่ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็คงเป็นโมเดอร์น
ทาวน์ ของ อร โรจนเสถียร ซึ่งเขาบอกว่าตอนนี้ขายไปได้แล้วประมาณ 70%
งานของ จอห์น ยัง ไม่เพียงแต่เป็นผู้บริหารการขายให้กับเจ้าของโครงการ แต่เขาทำงานมากกว่านั้นมาก
"เรามีส่วนในการพัฒนาโครงการให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เราจะดูตั้งแต่ทำเล
ดูตั้งแต่พื้นที่ดิน ว่าทำเลนี้เหมาะจะทำธุรกิจอะไร โครงการอะไร โครงสร้างอะไร
เพื่อทำให้มันมีความเป็นไปได้ทางการตลาด" จอห์น ยัง เล่าให้ฟังถึงงานของเขา
ทีมงานและตัวเขาจะเข้าไปร่วมปรึกษากับเจ้าของโครงการตั้งแต่แรก ซึ่งบางครั้งรวมไปถึงการออกแบบ
จอห์น บอกว่า เขาเน้นมากที่โครงการนั้นจะต้องมีความเป็นไปได้ในความเป็นจริงไม่ใช่เอาแต่ความฝันมาขาย
"อย่างมีท่านเจ้าของโครงการบางท่านต้องการทำศูนย์การค้าแล้วบอกว่าได้ธนาคารมาไว้ข้างหน้า
ผมบอกว่า ไม่เห็นด้วย แล้วให้เหตุผลให้ท่านเจ้าของโครงการฟัง" จอห์น
ยัง เท้าความ
เหตุผลก็คือ ธนาคารทั้งหมดจะปิดทำการประจำวัน ตั้งแต่ 15.30 น. เพราะฉะนั้นถ้าเอาธนาคารไปไว้หน้าศูนย์การค้า
หลังจากเวลานั้นแล้วก็จะไม่มีคน ศูนย์การค้าที่ไม่มีคนอยู่ด้านหน้ามาก ๆ
ก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาดูอะไรมากนัก
ผลงานของ จอห์น ยัง การันตีความสามารถในการขายของเขาได้ว่า เขามีฝีมือชั้นเซียนทีเดียว
เขาบอกว่า ปัจจัยสำคัญในการบริหารการขายมีสองสามข้อด้วยกัน ข้อแรก เจ้าของโครงการต้องมี
"คอนเซ็ปต์" ของโครงการชัดเจน ทั้งสองคนคิดเมหือนกันไปในทางเดียวกัน
สอง - ต้องพยายามหาจุดขายของโครงการให้ได้ และสุดท้าย…"บางทีก็ต้องอาศัยโชคเหมือนกัน"
จอห์น ยัง แย้มกับ "ผู้จัดการ"
ที่บอกว่าต้องมีโชคไม่ใช่เขาอาศัยโชค อาศัยดวงมาตลอด เพราะมูลค่าการลงทุนมากกว่าแปดพันล้านบาทที่เขาขายมาตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้
คงไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเขา เรื่อง "โชค" "คอนเซ็ปต์"
และ "จุดขาย" นี้ เขาสามารถอธิบายได้จากกรณีเข้าไปกู้สถานการณ์ความตกต่ำจนขายไม่ออกของซิโนไทยทาวเวอร์
"คือเขาวางแผนการตลาด การขาย คอนเซ็ปต์ผิดมาตั้งแต่ต้น ผมเข้าไปได้หกเดือนก็ทำให้โครงการฟื้นขึ้นมา
ผมบอกว่า ออฟฟิศขายอิมเมจของตึก การบริการ การบริหาร เราต้องพัฒนาตั้งแต่สำนักงานขาย"
ต่อจากนั้น ที่ว่าเป็นโชค ก็เพราะว่า ขณะนั้นจอห์น ยัง มีเพื่อนเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
ท่านบอกกับเขาว่า ถนนด้านหน้าโครงการนี้จะขยาย เขาก็เอาความคิดนี้ไปขาย
"ตอนแรกลูกค้าก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่จากนั้นสองสามเดือนรัฐบาลประกาศออกมาเลยว่า
มีการตัดถนนแน่เลยขายระเบิด" จอห์น ยัง เล่าพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แต่ยังมีรอยยิ้มเต็มหน้า
จอห์น ยัง บอกว่าที่เขาประสบความสำเร็จเช่นตอนนี้ ส่วนสำคัญที่สุดเขาให้ความสำคัญกับ
"ท่านเจ้าของโครงการ" สรรพนามที่เขาใช้เรียก "เจ้าของโครงการ"
ทุกโครงการอย่างมาก
"การที่เขามีโครงการแล้วเขามาใช้บริการของเรา เป็นโอกาสอันดีที่ทำให้เรามีโอกาสได้พูดคุย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผมคิดว่ามีส่วนมากที่จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ดังนั้นเราจะนับถือท่านเจ้าของโครงการในด้านความคิด
ซึ่งความเห็นต่าง ๆ ถ้าไม่ตรงกัน เราก็จะพยายามประนีประนอมกัน"
การมีความคิดเช่นนี้ไม่ได้มีผลเสียกับการทำงานของเขาเลย จอห์น ยัง กล่าวกับ
"ผู้จัดการ" ว่า เขาคงโชคดีไม่น้อยที่เขาประสบความสำเร็จมาตลอด
เขาบอกว่า เขาเลือกโครงการก่อนทุกครั้งว่า ควรจะรับงานนั้นหรือไม่ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุที่เขาไม่รับงานพร่ำเพรื่อ
และมีฐานลูกค้าอยู่ในมือจำนวนหนึ่งนั่นเอง ทุกครั้งเขาจึงมั่นใจมากที่จะบอกกับใคร
ๆ รวมถึงลูกค้าของเขาว่า เมื่อเขาเซ็นสัญญาแล้ว "ถ้าเรารับปากแล้ว…ต้องสำเร็จ"
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา จอห์น ยัง ขยับขยายห้องทำงานบนชั้น 26 ของอาคาร
ไอ.ที.เอฟ. ออกไปอีกสามห้อง เพื่อรับงานอินทีเรียร์ดีไซน์ เป็นบริการหลังการขายให้กับลูกค้าในโครงการคอนโดมิเนียมของเขาอีกด้านหนึ่ง
"ปลายปีนี้ เราก็จะเปิดบริษัทใหม่ ชื่อ ยัง คอมเพล็กซ์ จะเป็นบริษัทรับบริหารโครงการหลังการขาย
ซึ่งเราจะได้สร้างความมั่นใจกับผู้ซื้อได้ว่า นอกจากเราจะเป็นผู้ขายโครงการดี
ๆ ให้กับเขาแล้ว เรายังรับผิดชอบโครงการของเรา "ครบวงจร" อีกด้วย"
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทของจอห์น ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทบริหารการขายที่มีผลงานดีเด่นเป็นอันดับสามในประเทศไทย
รองจากสองบริษัทการขายจากต่างประเทศ เช่น ริชาร์ด เอลลิส จากนิตยสาร BUSINESS
INTERNATIONAL รางวัลที่ว่าเป็นผลพวงมาจากความมานะพยายาม ความตั้งใจในการทำงานตลอดมาของเขา
ธุรกิจการบริหารการขาย ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการบ่งชี้ความสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการการลงทุนต่าง
ๆ ต่อไป เช่นเดียวกับค้าอุตสาหกรรมก่อสร้าง ท่องเที่ยวเติบโตขึ้น ความเจริญของสังคมเมืองมีมากขึ้นเท่าไร
จอห์น ยัง ก็จะเติบโตตามความเจริญเหล่านั้นเช่นกัน