แม้ส่วนต่างการขายรถยนต์หนึ่งคันจะลดลงจาก 20% เป็น 5% แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยกลับมีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้นหลายราย ไม่ว่าจะเป็นทาทา มอเตอร์ส บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งอินเดีย ซึ่งเข้ามาเปิดสายการผลิตในเมืองไทยผ่านการร่วมทุนกับกลุ่มธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อหวังใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ เพื่อส่งออก ท่ามกลางข่าวคราวการรุกคืบของทาทาไปยังฝั่งยุโรปด้วยการเข้าซื้อกิจการจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ของอังกฤษ โดยทาทาเปิดขายซีนอน (Xenon) ปิกอัพขนาด 1 ตัน มีทั้งแบบสเปซแค็บ ตอนครึ่งและดับเบิลแค็บ 4 ประตู เป็นรถ 4X2 ยกสูง ทั้ง 2 โมเดล อย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซีนอนของทาทาเป็นรถปิกอัพที่ชูเรื่องเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันเพราะสามารถเติมไบโอดีเซล B5 ได้ ในเวลาเดียวกันยังเป็นโมเดลที่ผลิตสำหรับไทยเพียงเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาทาทาผลิตปิกอัพแบบตอนเดียวส่งขายในตลาดยุโรปเป็นหลัก
ไม่เฉพาะยี่ห้อรถทาทาเท่านั้นที่คนไทยจะเห็นว่ามีวิ่งตามท้องถนนมากขึ้น แต่ยี่ห้อรถยนต์แปลกตาจากเอเชียจะเข้าสู่ตลาดไทย กันมากขึ้น หลังจากที่ไทยมีข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี นั่นหมายถึงต้นทุนที่ลดลงและราคารถต่อคันที่ต่ำลงด้วยในเวลาเดียวกัน
แม้แต่จีนก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นหน้าใหม่ในการนำรถยนต์เข้ามาขายในเมืองไทยด้วยในไม่ช้านี้ แม้จะช้ากว่ามาเลเซีย ที่นำเข้าโปรตอนมาเปิดขายในไทยตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และใช้กลยุทธ์ราคาต่ำและให้ระยะเวลาผ่อนนานเป็นหลัก
การนำรถยนต์นาซ่า (NAZA) มาเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ของในเครือยนตรกิจ กรุ๊ป โดยราคาของนาซ่าต่อคันอยู่ที่ 349,000 บาท นาซ่าเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศมาเลเซียเช่นเดียวกันกับโปรตอน แต่อยู่ภายใต้การผลิตและจำหน่ายของกลุ่มนาซ่า บริษัท เทรดดิ้งรายใหญ่ของมาเลเซีย ที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เท่านั้นแต่ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกหลายยี่ห้อ อาทิ มาสด้า เกีย และฮาเฟย-โลโบ แบรนด์รถยนต์ของจีน
แม้ยอดจองรถยนต์ตลอด 10 วัน ในงานมอเตอร์โชว์ฯ ที่ผ่านมาจะสูงถึง 18,098 คัน ผู้เล่นหลักในตลาดอย่างโตโยต้าจะยังครองแชมป์ด้วยยอดจองกว่า 5,137 คัน รองลงมาคือ ฮอนด้า ที่มียอดจอง ถึง 2,511 คัน อันดับที่ 3 คือ อีซูซุ มียอดจองประมาณ 2,490 คัน
แต่ทั้งทาทาและโปรตอน หรือนาซ่าก็มียอดจองทะลุเป้าหมาย ที่แต่ละคนตั้งเอาไว้แทบทั้งสิ้น เฉพาะนาซ่าเพียงรายเดียว 10 วัน ยอดจองมากถึง 524 คัน ถึงทาทาจะไม่มีการเปิดเผยยอดจองอย่างแท้จริง แต่ก็เชื่อกันว่างานนี้ทาทาประสบความสำเร็จไม่น้อย อันเป็นผลมาจากการตลาดรถยนต์ส่วนใหญ่ของไทยยังเป็นรถยนต์ปิกอัพนั่นเอง
คาดการณ์กันว่าปี 2551 ตลาดรถยนต์ของไทยจะมียอดขายรวม 700,000 คัน และผู้ซื้อส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับรถประหยัดพลังงานกันมากที่สุด ในขณะที่ผู้ผลิตหน้าเดิมต้องทำงานหนักกว่าเคย นั่นเป็นเพราะผู้เล่นหน้าใหม่กำลังเข้ามาช่วงชิงพื้นที่วิ่งบนท้องถนนของเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
|