Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2532
ประกาศิต โออีซีเอฟทุกอย่างต้องญี่ปุ่นเท่านั้น !?             
โดย นพ นรนารถ
 


   
search resources

กองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น - โออีซีเอฟ
Construction
Loan




รัฐบาลไทยเริ่มกู้เงินจากญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2512 โดยผ่านองค์กรของรัฐบาล 2 องค์กร คือ หนึ่ง - กองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น หรือ โออีซีเอฟ (OVERSEAS ECONOMIC COOPERATION FUND OF JAPAN) สอง - ธนาคารส่งออก - นำเข้าของญี่ปุ่น หรือ EXIM BANK (EXPORT - IMPORT BANK OF JAPAN)

จากการศึกษาของปราณี ทินกร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า เงื่อนไขเงินกู้จากญี่ปุ่นมีความน่ากู้มากกว่าแหล่งเงินกู้แห่งอื่น และเมื่อเทียบแหล่งเงินกู้ของญี่ปุ่นด้วยกันเองแล้ว โออีซีเอฟมีเงื่อนไขการกี่น่าสนใจที่สุด เพราะเงื่อนไขเงินกู้ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ย ระยะไถ่ถอน ระยะปลอดหนี้มีลักษณะผ่อนปรนกว่าทุกแห่ง เช่น ระยะเวลาใช้คืนนาน 30 ปี มีระยะปลอดหนี้ถึง 10 ปี ดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 3.0 - 3.5% ซึ่งต่ำกว่าธนาคารโลก นอกจากนี้โออีซีเอฟก็ยังไม่มีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ที่ผู้กู้ต้องจ่ายเพื่อผูกพันเงินกู้ไว้ แม้จะยังไม่ได้เบิกใช้เงินกู้ก็ตาม ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้เคยทำให้ไทยมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นถึง 310 ล้านบาทในปี 2526

แต่ประเด็นสำคัญ คือ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง ซึ่งแหล่งเงินกู้หลายแหล่ง เช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชียจะไม่มีการผูกมัดในเรื่องการจัดซื้อหรือจ้างเพียงแต่ต้องเป็นการเปิดประมูลโดยทั่วไป (INTERNATIONAL BIDDING) เท่านั้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แก่บริษัทที่ปรึกษาและผู้รับเหมาทั่วไป

ส่วนโออีซีเอฟมีข้อผูกมัดในเรื่องการจ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งจะต้องเป็นบริษัทในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งเท่านี้ก็มากพอที่จะเข้ามายึดกุมธุรกิจหรืองานก่อสร้างของไทย เพราะบริษัทไทยยังมีศักยภาพไม่เพียงพอในโครงการก่อสร้างใหญ่ ๆ จึงต้องยกให้บริษัทญี่ปุ่นไปและในความรู้สึกของคนไทย บริษัทที่ปรึกษามีบทบาทและอำนาจมากพอที่จะชี้เป็นชี้ตายโครงการต่าง ๆ ได้ทันใด เช่น การคัดเลือกบริษัทผู้รับเหมาดังที่ปรากฏในโครงการท่าเรือมาบตาพุด

จากข้อมูลผลการวิจัยเรื่อง "ธุรกิจก่อสร้างญี่ปุ่นในไทย" ของสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า โครงการก่อสร้างที่ได้จากญี่ปุ่นโดยเฉพาะโออีซีเอฟในช่วงปี 2512 - 2530 มี 56 โครงการเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณเกินกว่าหมื่นล้านเยนถึง 26 โครงการ

ในจำนวน 56 โครงการนี้ บริษัทก่อสร้างญี่ปุ่นเป็นผู้รับงานไปเสีย 26 โครงการ เป็นของอิตาเลียนไทยฯ ซึ่งหลายโครงการก็เป็นการร่วมทุนกับญี่ปุ่นอีก 13 โครงการ อีก 4 - 5 โครงการรับเหมาโดยบริษัทคนไทยและประเทศตะวันตก ที่เหลือเป็นโครงการที่ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนปฏิบัติการด้านอื่น ๆ

โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออกทุกโครงการเป็นเงินที่กู้มาจากโออีซีเอฟเป็นเงินกว่า 47,500 ล้านเยน ซึ่งโครงการสำคัญที่ปรกาฏชัดแล้วเป็นฝีมือรับเหมาโดยอิตาเลียนไทยฯ ร่วมกับญี่ปุ่นเกือบทั้งสิ้น

โดยอำนาจเงินกู้จากญี่ปุ่น บริษัทที่ปรึกษาก็ญี่ปุ่น และความเปราะบางของความสามารถของบริษัทผู้รับเหมาไทยที่อ่อนแอเกินกว่าจะไปสู้บริษัทรับเหมาญี่ปุ่น องค์ประกอบเหล่านี้คือจุดชี้ขาดที่ทำให้บริษัทก่อสร้างญี่ปุ่นหรือบริษัทไทยร่วมทุนญี่ปุ่นครอบงำธุรกิจก่อสร้างไทย

นั่นคือ ความชาญฉลาดของหมอชัยยุทธที่เลือกสหายถูกข้าง แต่เป็นความซวยของฮุนไดฯ ที่ดันมาช้าไปเกือบ 30 ปี !

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us