Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 เมษายน 2551
ธปท.ย้ำตรึงดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อพุ่งแรง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธาริษา วัฒนเกส
Interest Rate




ผู้ว่าแบงก์ชาติย้ำยังไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เหตุเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้เศรษฐกิจยังเติบโตได้ดี จี้ทางการสร้างความมั่นใจในการดูแลเงินเฟ้อระยะปานกลางให้ดีไม่เช่นนั้นจะเกิดการกักตุนสินค้าเพิ่มขึ้นและลามไปยังการบริโภค การลงทุนและการส่งออกให้เกิดปัญหาได้ ด้านพาณิชย์ปรับเป้าเงินเฟ้อทั้งปีใหม่เป็น 5-5.5% หลังน้ำมันพุ่งไม่หยุด แถมเจอวิกฤตด้านราคาอาหารกระหน่ำซ้ำ

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศต่างนั้น มีทิศทางที่แตกต่างกันไป โดยอย่างสหรัฐเองเมื่อเศรษฐกิจที่ชะลอลึก ทำให้ความต้องการลดลง ปัญหาแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อก็ไม่มากจึงเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมสหรัฐต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างเช่นในปัจจุบัน ขณะที่ในส่วนของไทยความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อมีมากกว่า ทำให้ต้องหันมาดูแลด้านนี้แทน ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยต้องไปในแนวทางทิศทางเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ เป็นสำคัญมากกว่า

"อัตราดอกเบี้ยของไทยในระดับ 3.25% ถือว่าต่ำสุดในภูมิภาคแล้ว ซึ่งในอดีตเราก็เคยอยู่ในระดับเดียวกับไต้หวัน แต่ตอนนี้ทางการไต้หวันได้ปรับขึ้นไปแล้ว ส่วนระดับอัตราดอกเบี้ยในระดับนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนหรือไม่นั้นเท่าที่เปรียบเทียบดูผลตอบแทนจากตราสารหนี้ของประเทศอื่นก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าบ้านเรา ทำให้การตัดสินใจด้วยเหตุผลนี้น้อยลง"

โดยหากพิจารณาในแง่ของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังคงมีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ด้วยดี ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 3 และ 4 ของปีก่อนก็เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง

นางธาริษากล่าวอีกว่า ธปท.ยังคงดูแลทั้งภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงมากกว่าจากราคาน้ำมันและพืชผลที่สูงขึ้น และสูงกว่าที่ธปท.มองไว้ในตอนแรก ทำให้ธปท.ต้องดูแลอัตราเงินเฟ้อไม่ให้กระทบถึงต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพที่สูงเกินไปของประชาชนได้ เพราะหากประชาชนไม่มั่นใจว่าทางการมีการดูแลเงินเฟ้อที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงระยะปานกลาง ก็อาจจะทำให้เร่งกักตุนสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบให้ทั้งต้นทุน และราคาสินค้าแพงขึ้นไปไม่หยุด

"หากปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสูงมาก จะกระทบทั้งการบริโภค การลงทุน และการส่งออก ยกตัวอย่างประเทศจีน ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของเขาสูงถึง 8% ทำให้ข้าวของแพงขึ้นทั้งประเทศ ทั้งราคาที่ส่งออก จึงต้องหันกลับไปดูแลเงินเฟ้อเป็นสำคัญ"

สำหรับประเด็นที่ว่าราคาน้ำมันและอาหารที่แพงขึ้นอาจไม่สะท้อนต้นทุนในการดำเนินชีวิตที่แท้จริงของประชาชนได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ธปท.จะปรับเปลี่ยนไปใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เป็นเป้าหมายในการกำหนดนโยบายการเงินแทนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ธปท.กำลังอยู่ระหว่างศึกษาทั้งข้อดีข้อเสียของทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ

พาณิชย์ปรับเป้าเงินเฟ้อทั้งปี5-5.5%

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะปรับประมาณการเป้าหมายเงินเฟ้อของไทยในปี 2551 ใหม่ จากเดิม 3-3.5% เป็น 5-5.5% เพราะปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบดูไบที่จากเดิมประเมินไว้ว่าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาเฉลี่ยเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปแล้ว และราคาล่าสุดใกล้แตะระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลด้วย

ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าไทยยังมีแรงกดดันจากภาวะราคาสินค้าอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นการปรับให้เป็นไปตามสถานการณ์ และไม่ได้รุนแรง โดยยังเชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์จะบริหารจัดการได้ เพราะไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร ผิดกับประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตอาหาร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us