น้ำประปาไทย เคาะราคาไอพีโอบาท 4-4.50 บาท เปิดจอง 1 พันล้านหุ้น มูลค่าระดมทุนรวมเกือบ 4.5 พันล้านบาท ระหว่าง 12-13 พ.ค.นี้ ก่อนจะเข้าเทรด 22 พ.ค. 50 ผู้บริหาร มั่นใจดันมาร์เกตแคปตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มอีก 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมเปลี่ยนนโยบายจ่ายปันผลเป็นไม่ต่ำกว่า 50% จากเดิม 10% หวังสร้างความน่าสนใจแก่นักลงทุน ด้านที่ปรึกษาเผยราคาจองให้ส่วนลดนักลงทุน 10% เตรียมดันบริษัทก่อสร้างอีก 1 แห่ง เข้าจดทะเบียนปีนี้ มูลค่าระดมทุน 1 พันล้านบาท
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ว่า บริษัทกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอไว้ที่หุ้นละ 4-4.50 บาท เปิดจองซื้อในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2551 โดยจะสรุปราคาไอพีโอในวันที่ 14 พฤษภาคม และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนสถาบันตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน - 6 พฤษภาคม และวันที่ 7 พฤษภาคมจะเป็นการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนทั่วไป แต่จะงดการโรดโชว์ในต่างประเทศ จากเดิมมีแผนที่จะโรดโชว์ในแถบเอเชีย เนื่องจากหากบริษัทไปโรดโชว์บริษัทจะต้องใช้ข้อมูลต่างๆ เช่นงบการเงินใน ณ ไตรมาส 1/51 ทำให้ต้องมีการแก้ไขแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ใหม่ และจะต้องเข้าซื้อขายภายในวันที่ 13-14 พฤษภาคม ทำให้บริษัทมีการดำเนินการไม่ทัน
สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นของบริษัท สามารถจองซื้อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 7 แห่ง คือ บล.กสิกรไทย บล.ทิสโก้ บล.ไทยพาณิชย์ บล.ธนชาต บล.บัวหลวง บล.เคทีบี และบล.นครหลวงไทย โดยนักลงทุนต้องจองในราคาสูงสุดที่หุ้นละ 4.50 บาทก่อน ซึ่งหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 3,990 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ประมาณ 15,960-17,955 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียดการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นรวม 1,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 700 ล้านหุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม 5 ราย อีก 300 ล้านหุ้น คือ บมจ.ช.การช่างบริษัท มิตซุย วอเตอร์โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) บมจ. ทางด่วนกรุงเทพ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารทหารไทย ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะมีผลกระทบต่อการถือครองหุ้น (ไดลูท) 25% โดยจะเสนอขายแก่ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศและในประเทศในสัดส่วน 65%หรือจำนวน 650 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป 300 ล้านหุ้น และอีก 50ล้านหุ้น เสนอขายแก่ผู้มีอุปการคุณ
นายสมโพธิ กล่าวว่า เงินที่ได้จากการะดมทุนครั้งนี้ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท บริษัทจะนำไป ชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 3 พันล้านบาท โดยตามกำหนดแล้วบริษัทจะต้องชำระหนี้ให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทและบริษัทลูกมีหนี้ลดเหลือ 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินค่อทุน 1.2-1.3 เท่า ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 2.6 เท่า รวมทั้ง บริษัทได้มีการแก้ไขเรื่องนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจากเดิมที่จะปันผลไม่เกิน 10% กำไรสุทธิ เป็นไม่ต่ำกว่า 50%ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้เพื่อสร้างความน่าสนใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท และให้ใกล้เคียงกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2550 จำนวน 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิ หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5-6% ซึ่งจะจ่ายในเดือนตุลาคม 2551นี้ และมีการจ่ายเงินปันผลช้า เพราะติดเงื่อนไขของเจ้าหนี้ที่กำหนดให้บริษัทต้องชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้น 3 พันล้านบาทให้ครบก่อนจึงจะสามารถจ่ายปันผลได้
"บริษัทมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพราะอยู่ในหมวดสาธารณูปโภค และประชาชนทุกคนต้องใช้น้ำในชีวิตประจำวัน และมีอัตราการเติบโตของผลประกอบการที่ดี"
โดยปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิระดับสูงถึง 30% หรือมีกำไรสุทธิ 1,020 ล้านบาท มีรายได้รวม 3,250 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ทิศทางของผลประกอบการน่าจะดี เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำน่าจะเติบโตจากการเพิ่มกำลังการผลิตในบริษัทลูกคือ บริษัท ประปาปทุมธานี อีก 1 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 6 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวมถึงได้ปรับเพิ่มราคาขายน้ำตามสัญญาสัมปทานไปแล้ว น่าจะทำให้ทิศทางผลประกอบการของบริษัทในปีนี้น่าจะดีขึ้น
นายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาจองน้ำประปาที่ 4-4.50 บาท มีค่า P/E 10-11 เท่า ซึ่งมีส่วนลดให้แก่นักลงทุนประมาณ 10% จากกลุ่มพลังงานที่มีค่า P/E ที่ 12 เท่า
ส่วนบริษัทต่อไปที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ อีก 1 บริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งมีมูลค่าการระดมทุนจำนวน 800-1,000 ล้านบาท โดยจะเข้าจดทะเบียนได้ในไตรมาส 4/51
นอกจากนี้ ในปี 2552 จะนำบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเข้าจดทะเบียนเพิ่ม โดยจะมีมูลค่าระดมทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และบริษัทยังมีงานเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการ (M&A) จำนวน 4-5 ดีล ซึ่งเป็นทั้งบริษัทนอกตลาดและในตลาด โดยเป็นธุรกิจประกันภัย และเช่าซื้อรถยนต์ โดยเป็นบริษัทที่ไม่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ขาดเงินทุนในการทำธุรกิจ เพราะธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันที่สูง
|