Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 มิถุนายน 2546
เครื่องดื่มชูกำลังเฮ! อ.ย. เตรียมออกกฎหมายปลดแอกโฆษณา             
 


   
www resources

โฮมเพจ โคคา-โคล่า

   
search resources

โคคา โคลา (ประเทศไทย), บจก.
เสริมสุข, บมจ.
อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย), บจก.
คาราบาวตะวันแดง
สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย
เครื่องดื่มกระทิงแดง, บจก.
ปารเมศร์ รัชไชยบุญ
Food and Beverage




ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้แข่งกันฝุ่นตลบ ปลายปีเริ่มเห็นชัดว่าใครอยู่ ใครไป เผย 2 ค่ายใหญ่ อายิโนะโมะโต๊ะ-โค้ก เริ่มลังเลทำตลาด ส่งผลปีหน้าสมรภูมิสงบ อัตราการขยายตัวลดลง หลังจากปีนี้ทุกค่ายอัดงบการตลาดสูง ทำให้ตลาดเติบโตเกินจริง มั่นใจแคมเปญลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง ผลักดันให้กลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้งใน 5 ปี หลังขจัดอุปสรรคด้านราคาขาย ส่งสูงกว่าคู่แข่งในตลาดต่างจังหวัดได้สำเร็จ ด้านอ.ย.เตรียมออก กฎหมายใหม่ปลดแอกการโฆษณา

นายสาธิต สถีระศรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์กระทิงแดง และลูกทุ่ง บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของเครื่องดื่มชูกำลังในปีนี้ถือว่ารุนแรงกว่าทุกปี เพราะค่ายน้องใหม่อย่างคาราบาวแดงได้อัดงบการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างมาก หลังจากเปิดตัวเมื่อปลายปีก่อน ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างโอสถสภา และรายเดิมในตลาดจำเป็นต้องออกมาปกป้องตลาดด้วยการเพิ่มงบการตลาดเข้ามาจำนวนมหาศาลเช่นกัน

โดยพบว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่คาราบาวแดง และลูกทุ่งเปิดตัวสู่ตลาด ภาพรวมของตลาดขยายตัวในระดับ 16-17%

ส่วนปีนี้ที่การแข่งขันยังรุนแรง อยู่ คาดว่าผู้ประกอบการหลักและรายเล็กจะใช้งบโฆษณารวมกันไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยภาพรวมจะขยายตัวในระดับ 10-15% ส่วนถึงสิ้นปีนี้ภาพรวมของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังจะชัดเจนมากขึ้นว่า จะมีแบรนด์ใดเหลืออยู่ในตลาดบ้าง ทำให้การทำตลาดในปีหน้าจะลดความรุนแรงลง โดยตลาดรวมจะไม่ขยายตัวมากเท่า 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 8-9% เท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กในตลาด ที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน อาจจะล้มหายตายจากไปบางส่วน และอีกบางส่วนอาจทำตลาดเฉพาะพื้นที่ เช่น ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีความชำนาญ

สองค่ายใหญ่ลังเลลงตลาด

นอกจากนี้กระแสการรุกเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของผู้ประกอบการ 2 ค่าย คือ อายิโนะโมะโต๊ะ และโคคา โคล่า เริ่มไม่มีความชัดเจนว่าจะทำหรือไม่ ประกอบกับแบรนด์ใหม่อย่างคาราบาวแดง และลูกทุ่ง เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคแล้ว ความดุเดือดของการทำตลาดก็อาจจะลดน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้การใช้งบประมาณในการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ปีหน้าสำหรับกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังลดลงไปด้วย
"ลูกทุ่ง" ประสบความสำเร็จมาก

นายสาธิต กล่าวต่อว่า การนำแบรนด์ลูกทุ่งมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง จากการวางตำแหน่งสินค้าที่ชัดเจน คือเป็นไฟติ้งแบรนด์ของกระทิงแดง รสชาติที่แตกต่าง ราคาขวดละ 7 บาท ประกอบกับการจัดกิจกรรมโดยตรงสำหรับ กลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของลูกทุ่ง ทำให้ขณะนี้มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของบริษัท

แต่ในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ ลูกทุ่งยังมีกิจกรรมที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้งบอีก 100 ล้านบาท เพื่อผลักดันส่วนแบ่งการตลาดให้ถึง 10%
"กระทิงแดง" ขอเป็นที่ 1 ใน 5 ปี

ส่วนแบรนด์กระทิงแดงที่หยุดทำตลาดมานาน 5-6 ปี เนื่องจากหันไปมุ่งขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก แต่ในปีนี้กระทิงแดงได้เริ่มกลับ มาทำตลาดในประเทศไทยใหม่อีกครั้ง โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาได้ออกแคมเปญ ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง ผ่านสื่อหลัก และมีกิจกรรมเกี่ยวกับความเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ในลักษณะที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ออกมาสนับสนุนตลอดครึ่งปีหลังนี้ โดยกระทิงแดงมีเป้าหมายที่จะกลับมาทวงตำแหน่งผู้นำอับดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยให้ได้ภายใน 5 ปีต่อจากนี้

"การเปิดตัวแคมเปญ ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค ดีมาก โดยรับรู้ว่าเป็นแคมเปญของกระทิงแดง แม้จะยังไม่เห็นผลด้านการขายที่ชัดเจน แต่ แบรนด์กระทิงแดงก็ขึ้นมาเป็นแบรนด์อันดับ 2 ที่อยู่ในใจผู้บริโภคแล้ว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะทำแคมเปญลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดงในระยะยาว เพื่อสร้างทัศนคติความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงให้จับต้องได้"

พบราคาปลีกกระทิงแดงแพงกว่าคู่แข่ง

นายสาธิต กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคทั่วประเทศ พบว่าอุปสรรคในการทำตลาดของกระทิงแดง คือ ราคา ขายปลีกของร้านค้าในต่างจังหวัดขายเกินราคาที่ระบุอยู่บนฉลาก ที่กำหนดไว้ราคาขวดละ 10 บาท ร้านค้าบางแห่งขายขวดละ 11-12 บาท โดย ให้เหตุผลว่าเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดแล้ว สามารถ ขายทำกำไรได้ และบางส่วนอ้างว่าต้นทุนขายส่งสูงกว่าที่อื่น ทำให้ต้องตั้งราคาสูงกว่าฉลากเพื่อทำกำไรให้เท่ายี่ห้ออื่นๆ

กรณีดังกล่าวบริษัทได้เข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนสูงให้กับร้านค้าแล้ว โดยได้ปรับราคาขายส่งลง เพื่อให้ร้านค้าขายได้ในราคาขวดละ 10 บาท และมีกำไรเท่ากับแบรนด์อื่นๆ

นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านค้าขายเกินราคา ได้ทำป้ายโฆษณา ณ จุดขายทั่วประเทศ เพื่อบอกว่ากระทิงแดงราคาขวดละ 10 บาท โดย ต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้และไม่ซื้อสินค้าเกินราคา เพื่อให้แบรนด์กระทิงแดงสามารถแข่งขันราคากับคู่แข่งในตลาดเดียวกันได้ โดยไม่เสียโอกาสจากการขายเกินราคา
วางเป้าหมาย 5 ปี ขอเป็นที่ 1

สำหรับเป้าหมายของกระทิงแดงที่จะกลับมาเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ใน 5 ปีนั้น คงไม่สามารถระบุส่วนแบ่งการตลาดที่ต้องการได้ แต่ปัจจุบันกระทิงแดงมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 32% ส่วนผู้นำตลาดอย่างเอ็ม 150 มี 40% แต่ใน 5 ปี ข้างหน้าตลาดอาจจะขยายตัวมากขึ้น และแบรนด์ ที่อยู่ในตลาดขณะนี้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละแบรนด์อาจจะใกล้เคียงกัน ดังนั้น ผู้นำอันดับ 1 จึงอาจมีส่วนแบ่งการตลาด ไม่ถึง 40% ก็ได้

ยอดคาราบาวแดงดีเกินคาด

นายอดิศักดิ์ อัครจรัลญา Executive Director บริษัท ฟาร์อีส ดีดีบี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่คาราบาวแดง กระโดดมาเล่น ในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ที่จากเดิมในปี 2524 มีมูลค่าตลาดเพียง 2,900 ล้านบาท ปัจจุบันมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 14,500 ล้านบาท และการแข่งขัน ที่รุนแรงในตลาดนี้จึงต้องอาศัยกลยุทธ์ที่แตกต่างในการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้า เกิดการรับรู้ในตราสินค้ากับแบรนด์คาราบาวแดงให้ได้ จึงจะสามารถอยู่ในตลาดนี้ได้

ทั้งนี้ คาราบาวแดงใช้กลยุทธ์ในการวางคุณค่าทางจิตใจ ที่แตกต่างให้กับแบรนด์ โดยวางตำแหน่งให้เป็นเครื่องดื่มให้พลังงานสำหรับนักสู้ ด้วยแนวคิด "นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่" โดยอาศัยการใช้สื่อแบบ 360 องศา จึงสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับแบรนด์คาราบาวแดงได้ และได้รับผลสำเร็จจากการเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

จากแคมเปญต่างๆ ที่ใช้ในการเปิดตัว ทำให้คาราบาวแดงสามารถตอบทุกโจทย์ที่ถูกกำหนดไว้ได้อย่างลงตัว และสามารถสร้างการจดจำในตราสินค้าได้สูงถึง 96% และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จนทำให้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งการให้บริษัทเสริมสุข เป็นผู้จัดจำหน่าย สามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดได้สูงถึง 20% ภายใน 3 เดือน จากที่ตั้งเป้าหมาย ไว้เพียง 10% ภายใน 1 ปี และมียอดขายเฉลี่ย 1 ล้านขวดต่อวัน โดยเคยทำยอดขายสูงสุดได้ถึง 4 ล้านขวดต่อวัน

คาราบาวแดงชี้ ปีหน้าแข่งไม่ดุ

นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวแดง จำกัด กล่าว ว่า แนวโน้มของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในปีหน้าคงจะแข่งขันกันในระดับหนึ่งแต่อาจไม่รุนแรงเท่าใดนัก และคาดว่าคงจะไม่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาดอีก เนื่องจากช่องว่างในการทำตลาดมีน้อย และหากมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา คาราบาวแดงคงต้องเหนื่อยอีกครั้ง รวมถึงคู่แข่งก็คงต้องเหนื่อยด้วยเช่นกัน

ส่วนกิจกรรมอื่นๆที่จะเพิ่มเติบเข้ามานอกเหนือจากที่ทำอยู่ คงต้องรอดูสักระยะ ซึ่งขณะนี้ยังคงใช้ภาพยนตร์โฆษณาชุด หัวใจนักสู้ (นาย ขนมต้ม) เพื่อกระตุ้นและรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้อย่างสม่ำเสมอ

ส.โฆษณาอยากให้ไทยเป็นสากล

ทางด้านนายปารเมศร์ รัชไชยบุญ นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับมาตรการในการควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีนของภาครัฐจนทำให้"พูดไม่ได้"นั้น ในฐานะตัวแทนคนโฆษณาเห็นว่าในการผลิตชิ้นงานโฆษณาน่าจะมีความเป็นสากลมากขึ้น ซึ่งในต่างประเทศไม่ได้ควบคุมมากเช่นประเทศไทย ทำให้ผู้ผลิตงานโฆษณาและลูกค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เนื่องจากบทลงโทษค่อนข้างรุนแรง

สำหรับในประเทศไทย หากทำได้เช่นในระดับสากล เชื่อว่าการผลิตชิ้นงานโฆษณาจะมีความสร้างสรรค์มากกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ และหวังว่าในไม่ช้านักโฆษณาคงจะสามารถสร้าง งานโฆษณาที่สามารถพูดได้มากขึ้น

อ.ย.เตรียมปลดแอกโฆษณา

ทางด้านนางพิทยา ปาณะโตษะ ที่ปรึกษากองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อ.ย. กล่าวว่า การที่รัฐออกกฎระเบียบต่างๆ ก็เพื่อต้องการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ให้ถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าจากการดูโฆษณา และยอมรับว่ามีข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้พิจารณาถึงกฎเกณฑ์บางอย่างที่เข้มงวดเกินไป ซึ่งในขณะนี้อ.ย.ได้ยื่นต่อที่ประชุมแล้ว ในการออกกฎหมายใหม่เรื่องการควบคุมการโฆษณาสินค้า ซึ่งต่อไปจะให้ผู้ประกอบการดูแลกันเอง ใครต้องการให้โฆษณาออกมาอย่างไร ก็สามารถ ทำได้โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตจากอ.ย.ก่อน แต่ ถ้าหากผิดพลาดเมื่อใดจะต้องเรียกมาพูดคุยและลงโทษตามระเบียบ แต่ขณะนี้คงต้องให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎนี้ไปก่อน จนกว่ากฎหมายใหม่ จะออกมาบังคับใช้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us