|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
PHATRA คาดรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ 1.5 พันล้านบาท เหตุมีรายได้จากดีลไอพีโอเพิ่มเข้ามา หลังจากปีที่แล้วไม่มีดีล เผยขณะนี้มี 2-3 ราย มูลค่าการระดมทุนไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ คาดได้ข้อสรุป 1-2 เดือนข้างหน้า เผยมีความสนใจลงทุนธุรกิจ บลจ. ส่วนการออกหุ้นกู้อนุพันธ์วงเงิน 1 พันล้านบาทและใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์วงเงิน 300 ล้านบาท คาดดำเนินการได้ปลายปี
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มรายได้ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ที่ 1,569 ล้านบาท หลังจากในปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจด้านวาณิชธนกิจเข้ามาเพิ่มจากปีก่อน ที่บริษัทมีรายได้ในด้านดังกล่าวเพียง 14% โดยปีก่อนบริษัทไม่มีดีลไอพีโอเลย แต่ปีนี้คาดว่าจะมีดีลไอพีโอเข้ามา 2-3 ราย โดยที่เพิ่งจบไปก็คือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ESSO ซึ่งการเพิ่มขึ้นของดีลดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ บวกกับวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจด้ายหน้านายซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักประมาณ 70% จากธุรกิจด้านวาณิชธนกิจประมาณ 25% และอื่นๆ 5% ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พอร์ตการซื้อขายประจำวัน มีวงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท และพอร์ตการลงทุนระยะกลางและระยะยาว มีวงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสิ้นปี 50 ได้ใช้วงเงินไปแล้ว 1,000 ล้านบาท และมีกำไรส่วนเกินอยู่ที่ 172 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยการลงทุนในปีก่อนที่ 25% สำหรับในอนาคตหากวงเงินดังกล่าวถูกใช้เต็มจำนวน บริษัทก็อาจพิจารณาเพื่อขยายวงเงินดังกล่าวมากขึ้น ส่วนหุ้นที่จะเลือกลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Domestic Consumtion และยานยนต์
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งคาดว่าประเทศแรกน่าจะเป็นเวียดนาม คาดได้ความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า และรอดูความชัดเจนในนโยบายของภาครัฐในการอนุญาตให้ไปลงทุนในต่างประเทศก่อน พร้อมกับพิจารณาการลงทุนในธุรกิจด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ดี
สำหรับการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท และหุ้นกู้อนุพันธ์วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะออกและเสนอขายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ขณะที่การพิจาณาเสนอขายจะพิจารณาตามความต้องการของนักลงทุนในช่วงเวลานั้น อาทิ หากนักลงทุนมีความต้องการหุ้นกู้อนุพันธ์ บริษัทจะพิจารณาออกและเสนอหุ้นกู้อนุพันธ์ก่อนเป็นต้น ส่วนอายุของตราสารที่จะออกจะไม่เกิน 1 ปี แต่อาจพิจารณาออกเป็น 3 เดือน หรือ 6 เดือน อยู่ที่ความเหมาะสมของภาวะตลาดในขณะนั้น
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ภัทร กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีดีลลูกค้าที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 2-3 ดีล โดย 1 ในจำนวนดังกล่าวเป็นดีลของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ศาลล้มละลายกลางอนุมัติการกระจายหุ้น IPO ส่วนอีก 2 ดีล เป็นหุ้นของบริษัทในกลุ่มสาธารณูปโภค และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเกษตร ซึ่งแต่ละดีลมีมูลค่าระดมทุนไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท
|
|
|
|
|