|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอสโซ่ เคาะราคาไอพีโอหุ้นละ 10 บาท พร้อมงัดหุ้นกรีนชูขายเพิ่มอีก 84.58 ล้านหุ้น แบ่งจัดสรรให้นักลงทุนรายย่อย 25.38 ล้านหุ้น ระบุได้รับเงินรวม 9.3 พันล้าน จากการขายหุ้นทั้งสิ้น 930.42 ล้านหุ้น ด้านโบรกเกอร์ ประเมินราคาไอพีโอเหมาะสม พีอี อยู่ที่ 7.7 เท่า ทำให้มีส่วนต่างทำกำไรได้อีก 30-50%
วานนี้ (23 เม.ย.) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ได้ประกาศกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่หุ้นละ 10 บาท จากช่วงราคาหุ้นละ 9-13 บาท โดยหุ้นจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 773.33 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเดิมของกระทรวงการคลัง 72.50 ล้านหุ้น และหุ้นส่วนเกิน (กรีนชูออปชัน) อีก 84.58 ล้านหุ้น รวมเป็นหุ้นสามัญทั้งสิ้น 930.42 ล้านหุ้น
นายแดเนียล อี. ไลอ้อนส์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาไอพีโอที่หุ้นละ 10 บาท ได้จากผลการสำรวจความต้องากรซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบันระหว่างการจัดโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
สำหรับหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 930.42 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นที่จัดสรรให้กับนักลงทุนในประเทศ 473.67 ล้านบาท และจัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 456.75 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้รวม 9304.20 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นที่จัดสรรให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยผ่านทางธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย จะเพิ่มขึ้นจากจำนวน 161.90 ล้านหุ้น เป็น 187.28 ล้านหุ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้จองซื้อรายย่อย โดยจะใช้วิธีสุ่มคัดเลือก (Random) ด้วยระบบของบริษัท เซ็ทเทรด ดอทคอม จำกัด ซึ่งจะทราบผลในวันนี้ (24 เม.ย.) และคาดว่าหุ้นเอสโซ่จะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 นี้ ภายใต้หมวดพลังงาน โดยใช้สัญลักษณ์ในการซื้อขาย "ESSO"
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนิกจ บล.ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า บริษัทจะนำหุ้นที่จัดสรรส่วนเกิน (กรีนชูออปชั่น) 84.58 ล้านหุ้น ออกมากระจายให้กับนักลงทุนเพิ่มหลังจากที่มียอดจองซื้อเข้ามาจำนวนมาก โดยแบ่งกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อย 25.38 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือจะกระจายให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
"การที่เรากำหนดราคาที่ 10 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสม และทุกฝ่ายพอใจภายใต้สถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้ เพราะที่ผ่านมามีหลายดีลที่ต้องเลื่อนจากการที่กำหนดราคาในระดับที่แพงภายใต้ตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย" นายอนุวัฒน์ กล่าว
คลังลุ้นเอสโซ่เทรดเหนือราคาจอง
ด้านน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ราคาหุ้นไอพีโอบมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) ที่หุ้นละ 10 บาท เป็นไปตามกลไกตลาด ทางกระทรวงการคลังคงไม่สามารถไปโก่งราคาให้มากกว่านี้ได้ ส่วนผลกระทบต่อราคาหุ้นตอนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจจะทำให้ราคาต่ำกว่าราคาไอพีโอหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงนั้นๆ
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังไม่ได้หวังกำไรจากการขายหุ้นบริษัท เอสโซ่ แต่ต้องการให้เป็นเครื่องมือการสนับสนุนพัฒนาตลาดทุนไทย ที่ต้องมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาซื้อขายในตลาด โดยหุ้นเอสโซ่ ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นในรอบ 2 ปี และถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ตัวแรกของภูมิภาคด้วย
" หุ้นเอสโซ่ จะทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นไทยคึกคักมากขึ้น ถือเป็นหุ้นพื้นฐานสาขาพลังงาน โดยมีนักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้าลงทุนจำนวนมากทำให้ราคาปิดบัญชีเพิ่มขึ้นจาก 9.50 บาทต่อหุ้น มาเป็น 10 บาทต่อหุ้น"
โบรกเกอร์ขานรับราคา 10 บาท
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ราคาไอพีโอของเอสโซ่ที่หุ้นละ 10 บาท ถือเป็นราคาที่น่าสนใจเข้าไปลงทุน เพราะบริษัทประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 13.85 บาท ทำให้มียังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ (อัพไซด์) ประมาณ 30% แต่จากการที่เอสโซ่มีการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 10% แต่เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับสภาพตลาดหุ้นไทยในช่วงนั้น
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เอสโซที่ราคาไอพีโอหุ้นละ 10 บาท มีค่า P/E อยู่ที่ 7.7 เท่า ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น จากเดิมบริษัทคาดว่าจะกำหนดที่ราคา 13 บาท จากที่ได้กำหนดช่วงราคาไอพีโอที่ 9-13 บาทต่อหุ้น โดยบล.ยูโอบี ให้ราคาหุ้นเหมาะสมเอสโซ่ไว้ที่ 15 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีอัพไซด์ประมาณ 50% ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีจากส่วนต่างราคาหุ้นและจากผลตอบแทนจากเงินปันผล
ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้ปีนี้เอสโซ่จำนวน 1.8 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 2 แสนล้านบาท เนื่องจาก ส่วนต่างราคานสินค้าที่จำหน่ายลดลงและปีที่ผ่านมาเอสโซ่มีการปรับโครงสร้างทางการเงินและมีการรับรู้รายได้จากการรับโอนธุรกิจปิโตรเคมี ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้ 5.7 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท
|
|
|
|
|