|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้จัดการกองทุนมองอนาคตตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังสดใส เหตุคาดบริษัทจดทะเบียนยังสร้างกำไรได้ดีและมีเงินฝรั่งไหลเข้า บลจ.ไทยพาณิชย์- บลจ.บีทีปรับเทคนิคการบริหารพอร์ต เปิดกองใหม่ อ้าแขนรับเม็ดเงินใหม่ คาดสร้างผลตอบแทนได้ 10-15%
จากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งไตรมาสแรกของปีนี้ที่ 5% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยกลับคงที่อยู่ ณ ระดับ 3.25% เท่านั้น ทำให้ผลตอบแทนแท้จริงที่ได้เป็นอัตราที่ติดลบ พูดง่ายๆก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนเงินที่ออมไว้แม้จะมีมากำขึ้น แต่กลับซื้อของได้จำนวนที่ลดลง ดังนั้นหนึ่งในทางออกที่น่าสนใจคือ การลงทุนในหุ้นรวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมประเภทหุ้น
กำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นจังหวะดีในการทยอยซื้อหุ้น โดยประเมินว่านับจากนี้จนถึงสิ้นปี ดัชนีหุ้นน่าจะปรับเพิ่มขึ้น 10-15%
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นที่จะดีขึ้น มาจาก 2 ปัจจัย คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้น่าจะโตมากกว่า 10% และเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ โดยคาดว่าจะเริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหลังจากเดือนมิถุนายนไปแล้ว เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยที่ยังต้องจับตามองอย่างระมัดระวังก็คือปัจจัยเรื่องการเมืองซึ่งมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ในปัจจุบันกองทุนหุ้นทุกกองทุนของ บลจ.ไทยพาณิชย์ มีน้ำหนักอยู่ในหุ้นมากกว่า 95% แล้วโดยลดสัดส่วนการถือครองเงินสดลง
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก และโรงพยาบาล ขณะที่ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานลงเล็กน้อย เนื่องจากราคาขึ้นไปมากแล้ว
ทั้งนี้ตั้งแต่กลางปี 2550 บลจ.ไทยพาณิชย์ เริ่มปรับสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง ให้เป็นแบบเดียวกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวเอ็มเอไอ ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ประมาณ 30% และ 70% ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ นอกจากนี้จะลงทุนในตราสารอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และภายในปีนี้จะนำกองทุนหุ้นที่มีอยู่มาปรับนโยบายการลงทุนให้เหมือนกองทุนหุ้นระยะยาวที่มีอยู่อีก 5 กองทุน เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของนักลงทุน
ขณะที่ด้าน บลจ.บีที ก็ได้เตรียมเปิดขาย“กองทุนเปิดบีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1” ระหว่างวันที่ 21-28 เมษายน 2551 มูลค่า 1 พันล้านบาท มีระยะเวลาลงทุนประมาณ 18 เดือน หรือจะขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยมากกว่า 15% ได้ ทั้งนี้ผู้ถือหน่วยสามารถซื้อ-ขายกองทุนระหว่างทางได้ทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน
เจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที มองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นตัวนำตลาดหลังภาพรวมเศรษฐกิจเติบโต ส่งผลให้มีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น รวมทั้งหุ้นพลังงาน สื่อสารและอสังหาริมทรัพย์ก็ยังน่าสนใจ
สำหรับกลยุทธ์ของ บีที ก็คือ ถือหุ้นให้น้อยตัวลง โดยได้ปรับพอร์ตหุ้นที่เคยกระจายอยู่ใน 25-30 บริษัท เหลือ 15-20 บริษัท นอกจากนี้ยังมีการหาจังหวะเมื่อหุ้นขึ้นเต็มมูลค่าก็จะขายออก และโยกไปเข้าตัวที่ยังถูกส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ดีซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้ประสบความสำเร็จมาแล้วจาก กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อ การเลี้ยงชีพและกองทุนทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล
|
|
|
|
|