*น้ำผลไม้ในเซกเมนต์ ซูเปอร์อีโคโนมี ฟีเวออร์ สถานการณ์การแข่งขันในตลาดจับวัยทีน ที่นิยมดื่มน้ำอัดลม ใกล้จุดเดือด
* มาลี เปิดศึกท้าชิงกับ สแปลช และทวิสเตอร์ ผู้บุกเบิกตลาดส่งสินค้าไหม่ กลยุทธ์การตลาด Product Differentiation ใช้ใบเบิกทาง Healthy Drink ชนด้วยน้ำผลไม้ ไม่ซ่า แต่เย็น
* ด้านกระทิงแดง แตกไลน์น้ำส้ม ชูจุดขายเทคโนโลยีการบรรจุแบบปลอดเชื้อ พลิกมิติใหม่ในวงการน้ำผลไม้ในขวดเพ็ต
ตลาดน้ำผลไม้ระดับอีโคโนโนมี ฟีเวอร์ มีผู้เล่นใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดนี้ แบบต่อเนื่อง และหลากหลายค่ายเครื่องดื่มทั้งจากวงการน้ำผลไม้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ที่แห่เข้ามารุมกินเค้ก ทำตลาดมุ่งไปที่ผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่น ชูเรื่องความสดชื่น ซึ่งมีความแตกต่างสำหรับการทำตลาดน้ำผลไม้ จากเดิมกลุ่มน้ำผลไม้นั้นผู้ดื่มต้องการดื่มเพื่อฟังก์ชันนัลเป็นหลัก ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่หรือเริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นหลัก
ในปัจจุบันเริ่มขยายเข้าในกลุ่มวัยทีนตามกระแสสุขภาพ ทำให้ค่ายต่างๆที่อยู่วงการเครื่องดื่มเริ่มขยับขยายธุรกิจเข้ามารองรับตลาดน้ำผลไม้ที่ขายความสดชื่นมากขึ้น นอกจากนั้นการทำตลาดน้ำผลไม้ที่จับกลุ่มเป้าหมายใหม่นั้น มีความแตกต่างจากเดิมที่จะเน้นบรรจุภัณฑ์ยูเอชที ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นแบบขวดเพ็ต ที่ทำให้สินค้าทันสมัย และเพิ่มความสะดวก เรียกได้ว่า ขวดเพ็ต เป็นตัวสร้างจุดเปลี่ยนน้ำผลไม้ที่ให้ Benefit Functional ด้านความสดชื่น เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยทีนไปจนถึงวัยรุ่นคนรุ่นใหม่เป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ห่วงใยในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากน้ำอัดลมที่ผู้ดื่มส่วนใหญ่ต้องการดื่มเพื่อความสดชื่นเท่านั้น
จุดเปลี่ยนตลาด ค่ายน้ำอัดลมเข้ามาบุกเบิก
จากเดิมที่ 2 ค่ายยักษ์น้ำอัดลม แก้เกมการถดถอยของน้ำอัดลมโดยเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มนอนคาร์บอเนตที่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และกลุ่มรักสุขภาพเปิดฉากเข้ามาในตลาดก่อน ส่งน้ำส้ม มินิท เมด สแปลช ความเข้มข้น15% ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เป๊ปซี่ ก็ส่งทวิสเตอร์ เข้าตลาดมาประกบสแปลช ที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสนี้ จนขยายวงกว้างไปสู่ตลาดอื่นๆ
โดยมูลค่าตลาดน้ำผลไม้ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ตามกระแสของผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นมีมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำผลไม้ 100% ประมาณ 3,000 ล้านบาท น้ำผลไม้ 40% ประมาณ 500 ล้านบาท และน้ำผลไม้ 25% ประมาณ 2,500 ล้านบาท
ขณะที่ยักษ์น้ำอัดลม กำลังเปิดศึกช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างเต็มพิกัดนั้น ไม่นานน้ำส้ม “เซกิ”ของทางฟากเจ้าตลาดเครื่องดื่มชาเขียวอย่างโออิชิก็ออกมาร่วมวงเก็บเกี่ยวส่วนแบ่งตลาดด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าการเข้ามาบุกเบิกตลาดน้ำผลไม้ระดับซูเปอร์อีโคโนมีในช่วงแรกจะไม่ค่อยได้รับการตอบรับตามความคาดหมายนัก นั่นอาจจะเป็นเพราะช่วงจังหวะเวลาที่มาเร็วกว่าตลาด
ทว่าการเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายแรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกตลาดในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น มีการทำตลาดกระตุ้นยอดขาย โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบต่างๆเพื่อรอจังหวะเวลาที่จะระเบิดศึกทั้งเกมรุกและเกมรับเพื่อปกป้องตลาดเมื่อมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของ สแปลช และทวิสเตอร์ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆนี้ “ทวิสเตอร์” ออกมาแก้เกมน้ำส้ม“สแปลช”ที่เน้นสื่อสารด้านรสชาติด้วย "ความสดชื่นแบบรสเข้มเต็มรสส้ม” ด้วยการออกบรรจุภัณฑ์ขวดคืนเพื่อเข้าไปขายในช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด หรือร้านค้าย่อยทั่วประเทศ พร้อมเบนเข็มทิศปลุกตลาด "น้ำส้ม” เป็นสินค้าเรือธงแบบเต็มพิกัด ในคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่ "เปรี้ยวหวานลงตัวเป๊ะ " ส่วนน้ำส้มเซกิ ของโออิชิยังไม่มีการเคลื่อนไหวทางการตลาด ไม่แน่ว่าในอนาคตโออิชิอาจจะตัดสินใจปัดฝุ่น เซกิ ในมาดใหม่เพื่อลงมาช่วงชิงตลาดที่กำลังเติบโตแบบน่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีผู้เล่นรายใหม่ๆกำลังเข้ามา และ 2 ยักษ์น้ำอัดลมก็กำลังเดินหน้าทำตลาดสร้างยอดขายในช่วงฤดูขายหน้าร้อนนี้ ล่าสุดมีผู้เล่นหน้าใหม่เปิดเกมลงมาช่วงชิงในตลาดน้ำผลไม้ที่สร้างความสดชื่นนี้ด้วยเช่นกัน ค่ายน้ำผลไม้มาลี เปิดแนวรุก น้ำผลไม้ซูเปอร์อีโคโนมี ที่ชูจุดขาย เย็นสดชื่น ไม่ซ่า และค่ายเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เปิดตัวน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน ที่ให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้การบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ จึงไม่ต้องใส่สารกันเสีย และสีสังเคราะห์ทั้งยังคงคุณค่าวิตามินอยู่ครบ
อันที่จริงความพยายามในการทำตลาดเพื่อจะสร้างความแตกต่างสินค้าในตลาดน้ำผลไม้เพื่อจับกลุ่มวัยรุ่น เมื่อปีที่ผ่านมา ซานมิเกล กรุ๊ป เจ้าของเบียร์ ซานมิเกล จากประเทศฟิลิปปินส์ ที่วางเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มครบวงจร โดยเบนเข็มให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ โดยบริษัท ซานมิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเครื่องดื่ม "แบร์รี่ จู๊ซซา" รสมะนาวและส้มลงสู่ตลาด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแคทิกอรี่ใหม่"สปาร์คกิ้ง" ผสมระหว่างน้ำผลไม้และคาร์บอเนต ที่มีปริมาณคาร์บอเนตที่น้อยกว่าน้ำอัดลม โดยวางตำแหน่งสินค้าแทรกอยู่ระหว่างกลางของเครื่องดื่มน้ำอัดลมกับน้ำผลไม้ จับกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 13-19 ปีเป็นหลัก โดยซานมิเกล วางเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มครบวงจรรวมทั้งน้ำผลไม้ครบทุกเซกเมนต์ โดยสินค้าทำตลาดคือนำเข้าน้ำผลไม้ 100% แบรนด์ "แบร์รี่" และน้ำผลไม้ 40% แบร์รี่ ซันเบลสท์
สำหรับการทำตลาดเพื่อรับฤดูการขายในช่วงหน้าร้อนนี้ ล่าสุดซาน มิเกล ออกมาประกาศแนวรบใหม่น้ำผลไม้เต็มพิกัด โดยทุ่มเม็ดเงิน 70 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบ 40 ล้านบาท เพื่อแตกไลน์สินค้าแคธิกอรี่ใหม่ “อุ๊บส์ ม็อคเทล” น้ำผลไม้แนวคิดใหม่ค็อกเทลไม่มีแอลกอฮอล์ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 13-25 ปี ซึ่งมีความแตกต่างจากน้ำผลไม้แบรนด์อื่นๆ ตอกย้ำในเรื่องของสุขภาพ และวางตำแหน่งสินค้าปลุกตลาดน้ำผลไม้ระดับกลาง ตั้งเป้าแชร์ 5-10 % จากตลาดมูลค่า 450 ล้านบาท ส่วนนโยบายกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ของกลุ่มซานมิเกลในปีนี้ มุ่งเน้นน้ำผลไม้อุ๊บส์ ม็อคเทล และแบร์รี่ ซันเบลสท์ เป็นหลัก โดยเปิดตัวสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีรายได้ในกลุมนอนแอลกอฮอล์ไว้ 150 ล้านบาท แบ่งเป็น แบร์รี่ ซันเบลสท์ 100 ล้านบาท และอุ๊บส์ ม็อคเทล 50 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 50 ล้านบาท
แนวรุกน้ำผลไม้“มาลี” ชูจุดขาย เย็นสดชื่น ไม่ซ่า
นับว่าเป็นครั้งแรกของน้ำผลไม้มาลี ที่เปิดเกมลงมาเล่นในตลาดน้ำผลไม้บรรจุภัณฑ์แบบขวดเพ็ต ที่ให้ Benefit Functional ด้านความสดชื่นเป็นหลัก โดยค่ายน้ำผลไม้มาลีมองเห็นโอกาสตลาดในตลาดน้ำผลไม้กลุ่มราคาประหยัดมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงถึง 22% ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เปิดตัว มาลี จู๊ซ มิกซ์ คูลแม็กซ์ เพื่อลงตลาดน้ำผลไม้ ระดับซูเปอร์อีโคโนมีครั้งแรก พร้อมทั้งใช้ความได้เปรียบของค่ายน้ำผลไม้ที่มีจุดแข็งทางด้านแบรนด์ที่สั่งสมมานาน และเชื่อมต่อไปถึงแบรนด์แม่ ที่ใช้สโลแกน “มาลี รู้ดีเรื่องผลไม้” รวมทั้งน้ำผลไม้มาลีชูเป็นน้ำผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
สุวรรณา โชคดีอนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มาลีสามพราน กล่าวว่า ปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบรวมกว่า 300 ล้านบาท ทำตลาดน้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์มาลี โดยล่าสุดใช้งบ 60-80 ล้านบาท ทำตลาดสินค้าใหม่แบรนด์ “มาลี จู๊ซ มิกซ์ คูล แม็กซ์” เครื่องดื่มน้ำผลไม้มีส่วนผสมน้อยกว่า 15% ทำให้ปัจจุบันมาลีมีสินค้าน้ำผลไม้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มระดับบน น้ำผลไม้ 100% ระดับกลาง น้ำผลไม้ส่วนผสม 40-60% และกลุ่มราคาประหยัด ที่มีส่วนผสมน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% โดยสินค้าใหม่จะเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น และเข้าไปแข่งขันในตลาดเดียวกับน้ำผลไม้ ยี่ห้อสแปลช และทรอปิคานา ที่ครองส่วนแบ่งตลาดหลัก
สำหรับการออกแบรนด์ “มาลี จู๊ซ มิกซ์ คูล แม็กซ์” ทำให้มาลี เป็นค่ายน้ำผลไม้ที่มีสินค้าครอบคลุมตลาดครบทั้ง 3 เซกเมนต์คือ น้ำผลไม้พรีเมียม น้ำผลไม้ระดับมีเดียม และระดับซูเปอร์อีโคโนมี เหตุผลทางด่านการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มาลีต้องปรับตัวพร้อมตั้งเป้าไว้ว่าต้องเป็นลีดเดอร์แบรนด์น้ำผลไม้ทุกประเภทให้ได้ โดยที่ผ่านมาสินค้าของมาลีจะเป็น สินค้าระดับพรีเมียมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตลาดระดับล่างลงมายังไม่มีความชัดเจนมากนัก
เพราะส่วนใหญ่มาลีจะใช้กลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดที่เน้นจับกลุ่มหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ เช่นการเสริมจุดแข็งในตลาดน้ำผลไม้ ที่มาลีเป็นผู้นำตลาดด้วยการออกสินค้ารสชาติใหม่หรือเปิดตัวน้ำผลไม้มีประโยชน์เฉพาะด้าน อาทิ กลุ่มน้ำผลไม้พรีเมียม 100% ภายใต้แบรนด์ “มาลีพลัส” วางตำแหน่งเป็นน้ำผลไม้เพื่อผิวสวย และมีสุขภาพดี และ“มาลีเซลฟ์พลัส” น้ำผลไม้แนวคิด ซึ่งเป็นน้ำผลไม้รวม 60% หรือมิกซ์ จู๊ซ จับตลาดน้ำผลไม้ระดับกลาง ที่นอกจากดื่มเพื่อความสดชื่นแล้ว ยังชูจุดขายประโยชน์ในเรื่องความสวยงามทำให้ดูดี รวมทั้งต่อยอด“มาลี เวจจี้”ออกสินค้าใหม่ “มาลี Veggies V9” ที่เป็นการรุกเข้าไปในตลาด“น้ำผักผลไม้ 100%” โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะมุ่งจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงยุคใหม่
ที่ผ่านมาการแตกไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เป็นความพยายามของทุกค่ายในตลาดน้ำผลไม้ ที่จากเดิมผู้ผลิตน้ำผลไม้มี 3 แบรนด์ ที่อยู่ในระดับผู้นำของตลาด คือ มาลี ยูนิฟ และทิปโก้ ทุกค่ายแข่งกันตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำในตลาดน้ำผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้มาเป็นไลฟ์สไตล์ ซึ่งจากเดิมเป็นไปตามเทรนด์ ส่งผลทำให้การแข่งขันในเวลานี้คือ การขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ทุกๆกลุ่ม และมีการแข่งขันกันทุกๆตลาดน้ำผลไม้ทั้งระดับพรีเมียมหรือน้ำผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ จนถึงน้ำผลไม้ระดับกลาง หรือน้ำผลไม้ผสมต่ำกว่า 25%
เห็นได้ว่า การขยายฐานลูกค้าที่มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทิปโก้ เจ้าตลาดน้ำผลไม้ ก็มีสินค้าตอบสนองลูกค้าครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ 100 % กลุ่มพาสเจอไรซ์ ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ สควีซ และน้ำผลไม้100% กลุ่มยูเอชที ในรสชาติต่างๆที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม ขณะที่แบรนด์ ทิปโก้ คูล น้ำผลไม้ 40% รวมทั้งเตเต้ และแบรนด์ จูปีเตอร์ วางตำแหน่งสินค้าเจาะในตลาดอีโคโนมี จับตลาดน้ำผลไม้ 25%
แบรนด์ใหม่‘ฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน’ ซอฟต์ดริงก์จากกระทิงแดง
แนวรุกตลาดน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน” น้ำส้มไร้สารกันเสียและสีสังเคราะห์เจ้าแรกของไทย ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก COLD ASEPTECH จากประเทศเยอรมนี หรือ “การบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ” ทำให้คงรสชาติสดใหม่เหมือนธรรมชาติ รูปแบบขวดแพ็ต แบรนด์ “ฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน” ขนาด 330 มล.ออกมาจำหน่ายขวดละ 15 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ หันมาดื่มน้ำผลไม้แทนการดื่มน้ำอัดลม
ถือว่าเป็นแบรนด์ที่สองของค่ายนี้ที่หันมาจับตลาดซอฟต์ดริงก์เพื่อดับกระหาย ซึ่งอาจจะเป็นจุดแข็งที่น่าสนใจของการเข้าขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้ของค่ายเครื่องดื่มกระทิงแดง เรียกได้ว่า เริ่มปูทางตั้งแต่แตกบริษัทลูกคือ บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด เพื่อบุกตลาดชาขาวเพียวริคุ
อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาพตลาดชาเขียวพร้อมดื่มก็ไม่มีอัตราการเติบโตหวือหวามากนัก โดยคาดว่าปีนี้โต 10-20% จากมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ขณะที่ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตในตลาดน้ำผลไม้ต่ำกว่า 20% น้ำส้มเป็นน้ำผลไม้ที่คนไทยดื่มมากที่สุดคิดเป็น 60-70% จากน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอลเบนเข็มมาจับตลาดน้ำผลไม้
โดยทุ่มงบ 1 พันล้านชูเครื่องจักรใหม่ สำหรับพัฒนาระบบการผลิตใหม่ เพื่อตอกย้ำที่มาของสินค้าที่มีคุณภาพ โดยนำเข้าเทคโนโลยีการบรรจุเครื่องดื่มที่เรียกว่า Cold Aseptech จากประเทศเยอรมนี ที่มีกรรมวิธีในการทำให้ปลอดเชื้อตลอดกระบวนการบรรจุ เป็นเทคโนโลยีการบรรจุรูปแบบใหม่ ที่เน้นการลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ตั้งแต่ขั้นตอนในการผสม ทำให้บรรจุภัณฑ์ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ และฆ่าเชื้อส่วนผสมด้วยความร้อนสูง แต่ใช้ระยะเวลาสั้นมาก เพื่อคงคุณค่าสารอาหารและความสดใหม่ ด้วยกลิ่นและรสชาติที่คงเดิม แม้แต่ขวดที่ใช้ในการบรรจุ ก็เป็นขวดที่ใช้นวัตกรรมเฉพาะในการขึ้นรูป เพื่อให้ได้ขวดที่ได้มาตรฐานตามระบบนี้
สุวรรณดี ไชยวรุตม์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า เหตุผลการออกน้ำส้ม นั่นเป็นเพราะพฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้คนไทยในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน กลุ่มน้ำส้มได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยตั้งเป้าปีแรกคว้าส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อยกว่า 10% ของตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่ม
แนวโน้มแข่งขันรุนแรง บรรจุขวดแบบปลอดเชื้อ
ปัจจุบันความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้การบรรจุขวดแบบปลอดเชื้อ COLD ASEPTECH คือระบบ COLD ASEPTIC FILLING เป็นการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อซึ่งเป็นระบบใหม่ เพื่อใช้สำหรับผลิตเครื่องดื่มคุณภาพ กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติสดใหม่ใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่มีเชื้อโรคแอบแฝงและมีอายุสินค้าที่ยาวนานโดยปราศจากการผ่านความร้อนในอุณหภูมิสูง ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสีและสารกันเสียใด ๆ ทำให้ผู้บริโภคได้รับคุณค่าโดยตรงจากคุณค่าของวัตถุดิบจากธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับการบรรจุแบบ hot filled ด้วยการบรรจุขวดแบบใช้ความร้อน (Hot Filling) ซึ่งใช้กันอยู่ในปัจจุบันแล้ว Cold Aseptech จะให้ผลดีกับผู้บริโภคมากกว่า และเหมาะสมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโปรตีน เช่น นม UHT ที่บรรจุขวด PET, ขวด HDPE และขวด PP
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ยูนิฟ มีความพยายามที่จะนำจุดเด่นทางด้านกระบวนการผลิตโคลด์ฟิลล์ ที่บรรจุในขวดเพ็ต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกระบวนการบรรจุขวดแบบปลอดเชื้อในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าการบรรจุแบบฮอตฟิลล์ หรือขวดพีอีทีทั่วไป มาสร้างความแตกต่างในตลาด เพื่อสร้างศักยภาพในการผลิตเครื่องดื่มของบริษัทที่มีในไลน์สินค้าประเภทเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ น้ำผัก และน้ำผลไม้ ที่หลากหลาย โดยมีแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ถึงข้อดีของเทคโนโลยีนี้ ทว่าจุดเด่นนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวช่วยเสริมภาพลักษณ์สินค้าได้มากนัก เป็นไปได้ว่า การแข่งขันในช่วงนั้นยังเป็นการตลาดที่เน้นในเรื่องของการแบรนดิ้งสินค้า รวมทั้งรสชาติ คุณค่าที่ส่งผลดีกับสุขภาพ และความสดชื่นมากกว่าจะมาพูดถึงเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมของกระบวนการผลิต ซึ่งอาจจะมาเร็วเกินไปสำหรับในช่วงเวลานั้น
รวมทั้งที่ผ่านมา ทิปโก้ มีนโยบายสำหรับการนำนวัตกรรมการผลิตแบบใหม่เข้ามาปรับใช้ โดยเฉพาะระบบตรวจสอบการปลอดเชื้อ ที่ออกสินค้าด้วยขวดเพ็ต ที่มีความแตกต่างจากขวดบรรจุร้อนที่วางขายอยู่ทั่วไป คือ เป็นการบรรจุเย็นในขวดพลาสติกปลอดเชื้อ คือบรรจุในอุณหภูมิ 40 องศา จากเดิม 80-90 องศา การบรรจุขวดแบบนี้จะประหยัดค่าบรรจุภัณฑ์ ไม่ต้องใช้ขวดที่หนา และเป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยเฉพาะคุณสมบัติเรื่องของสีน้ำผลไม้ที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงรสชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นจุดแข็งในการทำตลาดน้ำผลไม้อีกทางหนึ่ง โดยมีการขยายโรงงานใหม่ที่ อ.วังน้อย พระนครศรีอยุธยา โดยมีราคาการลงทุนทั้งที่ดินและเครื่องจักรใหม่รวมกว่า 1,200 ล้านบาท
เกมใหม่ น้ำผลไม้ แข่งขันแบรนดิ้ง
เกมใหม่ในตลาดน้ำผลไม้ซูเปอร์อีโคโนมี นอกจากจะเป็นการแข่งขันด้านเปิดตัวสินค้าเข้าตลาดแล้ว สิ่งที่น่าติดตามนั้น อยู่ที่การแข่งขันว่าใครจะเข้ามาสร้างแบรนด์ในพื้นที่นี้ให้สินค้าของตัวเองเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากกว่ากัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนนี้ การตลาด 360 องศา ผ่านสื่อครบวงจร (IMC : Integrated Marketing Communication) เป็นกลยุทธ์หลักที่ผู้เล่นแต่ละค่ายในตลาดน้ำในการแข่งขัน สื่อตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ที่มีทั้งสื่อภาพยนตร์โฆษณา การโฆษณาในทีวี นิตยสาร และการทำ Event Marketing จัดกิจกรรมการตลาดการแจกชิม และออกบูทเจาะกลุ่มลูกค้าน้ำผลไม้
เห็นได้จาก การเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน ที่เน้นการสื่อสารเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงภัยอันเกิดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารกันบูดและสีสังเคราะห์ โดยถือเป็นโฆษณา Talk of The Town ในช่วงที่ผ่านมา โดยแนวทางการสร้างการรับรู้เแบรนด์น้ำส้ม ฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟันให้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว วางแผนการตลาดที่ครบวงจร ซึ่งครอบคลุม 3 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงแรก การสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด COLD ASEPTECH จากประเทศเยอรมนี ผ่านภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่อง “ต้ม”, “สารกันเสีย”, “สีสังเคราะห์”
โดยภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 3 เรื่องจะบอกถึงคุณสมบัติที่เป็นการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ จึงไม่ต้องใส่สารกันเสีย และสีสังเคราะห์ทั้งยังคงคุณค่าวิตามินอยู่ครบ ช่วงที่ 2 เป็นการสร้างการรับรู้ในตราสินค้าด้วยภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟันอย่างเป็นทางการ และช่วงสุดท้ายคือการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วยภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมการขายโปรโมชั่นสะสมฝาน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟันครบ 6 ฝาบวกเงิน 2 บาท แลกดื่มฟรี 1 ขวดทันที ที่ร้าน Jiffy และร้านค้าที่ร่วมรายการ นอกจากนั้น ยังมีแผนแจกชิมสินค้าทั่วประเทศตลอดปี
ส่วนการเปิดตัวรสชาติของอุ๊บส์ ม็อคเทล จะเน้นตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคตลอดจนการเปิดตัวสินค้ารุ่นลิมิเต็ด อาทิ วันวาเลนไทนส์ ฮาโลวีน เป็นต้น อีกทั้งได้เตรียมเจรจากับผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อดำเนินการตลาดในรูปแบบมิกเซอร์ ซึ่งเป็นการขยายอีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ได้ทุ่มงบ 2 ล้านบาท จัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วทุกภาค อาทิ ถนนข้าวสาร เชียงใหม่ ชลบุรี การแจกสินค้าตัวอย่าง และคอนเสิร์ตเกิร์ลลี่ เบอรี่
ขณะที่ผู้เล่นรายใหม่กำลังเดินหน้าทำตลาดสร้างการรับรู้สินค้า และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง แต่ทางด้าน 2 ค่ายน้ำอัดลมที่เข้ามาบุกเบิกตลาดนั้น เป็นยุคที่สองของการทำตลาดหลังเข้ามา 2 ปี โดยแนวทางการสื่อสารการตลาดแบรนด์ "ทวิสเตอร์” เพื่อสร้างการจดจำ ด้วยการตลาดแบบ 360 องศา ผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจรภายใต้งบ 40 ล้านบาท ทั้งสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ และสถานีรถไฟฟ้าโฆษณาใหม่ "เฟอร์เฟค บาลานซ์”ที่มี แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และโฬม-พัชฏะ นามปาน มาเป็นพรีเซนเตอร์ อีกทั้งจัดกิจกรรมการตลาดครบวงจร แจกสินค้าตัวอย่าง 1.5 ล้านแก้วในมหาวิทยาลัย และร้านค้าทั่วประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สแปลช ก็ส่งหนังโฆษณาชุดใหม่ 2 เรื่อง ในชื่อ "ส้มคุณภาพ" และ "คั้น" ออกมากวาดยอดขายปลายปี พร้อมเปิดตัว นิชคุณ หรเวชกุล แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรก เข้าร่วมกิจกรรมภายใต้แคมเปญใหม่ "สแปลชความสดใสให้ชีวิต" กระจายความสดชื่นแบบรสเข้มเต็มรสส้ม ด้วยสแปลชบัส สวนส้มเคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน
|