Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2532
เคเบิลทีวีของมันมีแต่ "ทักษิณ" เขาจอง             
 


   
www resources

โฮมเพจ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

   
search resources

องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (MCOT)
ทักษิณ ชินวัตร
TV




ในความเป็นจริง เคเบิลทีวีที่เป็นที่พูดกันถึงขณะนี้นั้นเป็นการพูดเกินความรวมสื่อสองอย่างคือ "ไมโครเวฟทีวี" ซึ่งส่งสัญญาณเป็นคลื่นความถี่วิทยุมีสถานีส่งและเสาอากาศรับคลื่นโดยเฉพาะ ส่วนเคเบิลทีวี เป็นการส่งคลื่นไปตามสายเคเบิล แต่ที่คนไทยคุ้นกับชื่อเคเบิลทีวีมากกว่า เพราะผู้เสนอโครงการครั้แงรกเสนอว่าจะส่งคลื่นไมโครเวฟไปเฉพาะโรงแรม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยแล้วส่งคลื่นผ่านสายไปตามห้องพักแต่ละห้องอีกที ซึ่งเป็นการทดแทนวิดีโอโดยปริยาย ตรงนี้เองที่เป็นลักษณะของเคเบิลทีวี หรือภาษาทางการ คือ บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก

ในสมัย ร.ต.ท.ชาญ มนูญธรรม เป็นรัฐมนตีสำนักนายกฯ มีการทำเรื่องขอดำเนินการเคเบิลทีวีมาแล้ว โดยบริษัทเคลียร์วิว ซึ่งเป็นบริษัทฝรั่งมาจากอเมริกา เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง เคเบิลทีวี ว่ากันว่า มีคนไทย 2-3 คนข้องเกี่ยวกับบริษัทนี้อยู่ด้วย คือ ประทุม สูตะบุตร ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. ขณะนั้นกับพันตำรวจโทดอกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการสื่อสารโทรคมนาคม

เรื่องนี้มีการยึกยักกันหลายรอบ เพราะขณะนั้นไม่มี พรบ.รองรับและควบคุมการตั้งเคเบิลทีวีก็เหมือนกับตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่หนึ่งช่อง เพียงแต่จำกัดคนดูว่า จะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น คราวนั้นบริษัทเคลียร์วิวเสนอว่า จะรับสมาชิกเฉพาะโรงแรมเท่านั้น ในระยะเริ่มต้นเพื่อสะดวกแก่การควบคุมแต่เรื่องมาช้าที่ชาญ มนูธรรม ด้วยเหตุที่พอรู้ ๆ กันอยู่

ระหว่างนั้นบริษัทฝรั่งเจ้าของโครงการก็เดินทางกลับไป แต่ทักษิณ ชินวัตร มองเห็นลู่ทางของกิจการประเภทนี้ก็เลยซื้อเครื่องไม้เครื่องมือมาเก็บไว้กับจ้างฝรั่งผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทเดิมมาช่วยงานต่อ แล้วตั้งเป็นบริษัทชื่อ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลบรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด

ทักษิณพยายามเดินเรื่องนี้ต่อ และขอคลื่นวิทยุเพื่อส่งสัญญาณนี้มา 2 คลื่นจากคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ หรือ กบถ. เพราะตนเองลงทุนซื้ออุปกรณ์ไปแล้ว 20 กว่าล้าน แต่ในที่สุดก็ไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใดตัดสินใจ สุดท้ายเรื่องมาลงเอยที่ ครม. ลงมติให้ อ.ส.ม.ท. เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ตราบเท่าที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติรับรองชัดเจน ซึ่งตอนนั้น ชาญ มนูธรรม ก็ยังดูแล อ.ส.ม.ท. อยู่ จุดนี้เองที่เฉลิม อยู่บำรุง มักอ้างอยู่เสมอว่า ครม.อนุมัติให้ อ.ส.ม.ท. ดำเนินการแล้ว

หลังจากที่ อ.ส.ม.ท. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเรื่องนั้นแล้ว ปรากฏว่า อ.ส.ม.ท. ได้อนุมัติเรื่องนี้ไปแล้ว 3 แห่ง แต่เป็นจังหวัดที่ไม่สามารถรับคลื่นโทรทัศน์ที่ส่งจากกรุงเทพฯ ได้ คือ อยู่กลางหุบเขา คือ จังหวัดตาก เลย และจันทบุรี และก็เป็นการรับรายการมาจากกรุงเทพฯ ไม่มีการผลิตรายการเอง คือ เหมือนรับคลื่นจากสถานีโทรทัศน์จากกรุงเทพฯ ทุกอย่างเพียงแต่จะต้องสมัครเป็นสมาชิกในอัตราต่ำ คือ 50 บาทเท่านั้น

ระหว่างนี้เองที่ทักษิณเดินเรื่องเข้า อ.ส.ม.ท. อีกครั้ง โดยผ่านมาทาง จิรายุ อิศรางกูร ซึ่งเป็น รมต.ที่มาคุม อ.ส.ม.ท. ต่อมา อ.ส.ม.ท. คิดสาระตะอยู่แล้ว มีกำไรแน่ ๆ ก็เลยวางแผนจะซื้ออุปกรณ์จากทักษิณมาดำเนินการเอง พอกำลังจะดำเนินการก็มีเสียงคัดค้านจาก "สีเขียว" อ้างเรื่องความมั่นคงขึ้นมา เพราะฝ่ายทหารเกรงว่า หากมีรายการ "เอ็กเซอร์ไซร์" ขึ้นมา เคเบิลทีวีก็จะเหมือนโทรทัศน์อีกแห่งที่เอกชนควบคุมเองเต็มที่ อาจกลายเป็นฐานกระจายเสียงของฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายมาก เคเบิลทีวีจึงพับไปอีก

จนกระทั่งมีการออกพระราชบัญญิตวิทยุโทรทัศน์ฉบับใหม่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมการแพร่รายการทางสาย เช่น วิดีโอ และเคเบิลทีวี เรื่องนี้จึงย้อนกลับมาอีก แต่ปัญหาคราวนี้นอกจากว่าถึงแม้จะมีกฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุม แต่คำถาม คือ มีความจำเป็นที่จะมีเคเบิลทีวีหรือยัง แต่คำถามที่ดูจะสาหัสกว่า คือ ใครจะเป็นเจ้าของสิทธิ์และให้อำนาจในการจัดตั้งเคเบิลทีวีระหว่าง อ.ส.ม.ท. กับกรมประชาสัมพันธ์

เชื่อกันว่า ที่เฉลิมสนใจเคเบิลทีวีมา เป็นเพราะการมอบสัมปทานสิทธิ์แก่ใครนั้น นำมาซึ่งรายได้มหาศาล ซึ่งจุดนี้แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้าราชการในกรมประชาสัมพันธ์ก็เห็นในจุดนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะข้าราชการที่เคยไปควบคุมดูแลสถานีโทรทัศน์ภูมิภาคจะเห็นช่องทางการตลาดดีที่สุด

เฉลิม มักอ้างเสมอว่า ถ้า อ.ส.ม.ท. ได้รับมอบหมายให้ดูแลเคเบิลทีวี อ.ส.ม.ท. จะมอบสัมปทานให้แก่บริษัทของทักษิณ คือ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคานติ้ง ทันที เพราะบริษัทแห่งนี้ได้ลงทุนไปมากแล้วในเรื่องอุปกรณ์ และได้ขอคลื่นความถี่จาก กบถ. ไว้แล้ว 2 คลื่น ซึ่งจุดนี้ที่มีคำครหาว่า อ.ส.ม.ท.วิ่งเรื่องนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้แก่คน ๆ เดียว แทนที่จะเปิดประมูลผู้รับสัมปทานใหม่ เพราะถึงอย่างไร ถ้า อ.ส.มงท. จะทำเองก็ต้องอนุมัติคลื่นจาก กบถ. อย่างแน่นอน

"แม้แต่คลื่นวิทยุ 2 คลื่นที่ทักษิณถืออยู่ ก็ยังเป็นปัญหาว่า ทักษิณมีสิทธิ์อยู่หรือไม่ เพราะทักษิณเขาเคยขอคลื่นกับ กบถ. จริง แต่โครงการครั้งนั้นถูกระงับไปแล้ว และเป็นขอในนามกรมไปรษณีย์โทรเลข บริษัททักษิณเป็นผู้เช่าซื้ออุปกรณ์เท่านั้น ทักษิณไม่มีอำนาจจะใช้ต่อหรือโอนให้ อ.ส.ม.ท.ตามที่ออกมาข่าว และที่เขาออกข่าวว่า เขามีอยู่แล้ว 3 คลื่น อ.ส.ม.ท. จะขออีก 2 คลื่น รวม 5 คลื่นซึ่งเท่ากับเขาเหมาคลื่นไปทั้งหมดเลย เรียกว่าผูกขาดหมด แต่นั่นเป็นการออกข่าวเท่านั้น เขาอาจจะเพียงเพิ่งเริ่มต้นขอเท่านั้นเพราะคลื่นทั้งหมด กบถ. ยังไม่ได้อนุมัติให้ใครเลย การออกข่าวแบบนี้มีเรื่อย เช่น กองทัพอากาศเคยบอกจะตั้งสถานีโดยใช้คลื่นวิทยุของ กบถ. นี้เหมือนกัน เขาเรียกว่า ออกข่าวตีกันคนอื่นนั่นแหละ" แหล่งข่าว กล่าว

เมื่อ อ.ส.ม.ท. ได้รับอนุมัติจาก ครม.ให้ดำเนินการเรื่อง เคเบิลทีวี ได้เมื่อปลายเดือนมีนาคม อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง ก็ได้ไปตามคาดหมาย โดยมีสัญญาว่า บริษัทเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด โดยขอสิทธิ์ทั้งสิ้น 20 ปีจ่ายค่าตอบแทน 6.5% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย แต่ประกันรายได้ขั้นต่ำแก่ อ.ส.ม.ท. ไว้ 120 ล้านบาท

"คุณคิดรายได้ที่เขาจะได้นะ ค่าสมาชิกรายเดือนเดือนละ 600 บาท ค่าประกัน และค่าติดตั้งอุปกรณ์ 5,000 บาท เอาแค่ค่าสมาชิกต่อเดือนปีหนึ่ง ๆ สมาชิกต้องเสียปีละ 7,200 บาท ถ้ามีสมาชิกแค่ 1 แสนคน ซึ่งเป็นส่วนน้อยนิดมากของคนกรุงเทพฯ 5 ล้านคน ปีหนึ่ง ๆ บริษัทจะมีรายได้ 720 ล้านบาท แล้วอีก 20 ปีข้างหน้า ถ้าเคเบิลทีวีเป็นที่นิยมรายได้จะเป็นเท่าไร" แหล่งข่าวกล่าว

คนใน อ.ส.ม.ท. เคยประเมินว่า โครงการนี้สามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี

แน่นอนที่สุด ธุรกิจอย่างนี้เฉลิมกับทักษิณเขา "จอง"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us