|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นักลงทุนรายย่อยแห่จองหุ้น "เอสโซ่" เกลี้ยง บล.ภัทร ที่ปรึกษาฯ-แกนนำอันเดอร์ไรท์ประกาศปิดรับจองหลังยอดวันแรกทะลักเกิน 3 เท่าของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ก่อนจะประกาศราคาเสนอขาย 24 เม.ย.นี้ ระบุยอดจองรายย่อยสูงเกิน 475 ล้านหุ้นจากยอดเสนอขาย 161 ล้านหุ้น แย้มวันนี้อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้รายย่อยเพิ่ม ด้านโบรกเกอร์ประเมินปัจจัยพื้นฐาน "เอสโซ่" ด้อยกว่าหุ้นพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่มีจุดเด่นที่ผู้จองซื้อหุ้นไอพีโอมีสิทธิรับปันผลหุ้นละ 1 บาท
วานนี้ (21 เม.ย.) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เปิดขายหุ้นสามัญให้ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 1,099.58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 4.93 บาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 773.33 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมของกระทรวงการคลังไม่เกิน 326.25 ล้านหุ้น โดยหุ้นจำนวนดังกล่าวจะจัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วไป ในราคาเสนอขายหุ้นละ 9-13 บาท กำหนดจองซื้อระหว่างระหว่างวันที่ 21-22 เมษายนนี้
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารตลาดตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการจองซื้อหุ้นไอพีโอบมจ.เอสโซ่ วันแรก ว่า ขณะนี้บริษัทได้รับรายงานผลการจองซื้อหุ้นจากต้วแทนจำหน่ายทั้ง 2 ราย คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นมียอดจองเข้ามารวมทั้งสิ้น 475.5 ล้านหุ้น จากยอดที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อรวม 161.9 ล้านหุ้น
"ผมดีใจที่นักลงทุนสนใจจองหุ้นเอสโซ่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายใต้ภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ทำให้เราสามารถปิดรับการจองซื้อได้ก่อนกำหนดตั้งแต่เย็นวานนี้ แต่ในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) บริษัทจะพิจารณาการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนเกิน (กรีนชู) อีกหรือไม่ หากมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเพิ่มก็จะดูอีกครั้งว่าจะจัดสรรให้รายย่อยในสัดส่วนเท่าใด"
ส่วนการกำหนดราคาเสนอขายนั้น คงต้องรอพิจารณาดู Book Build ของสถาบันก่อนว่าจะมีความต้องการมากน้อยแค่ไหน เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นราคาต่ำสุดหรือสูงสุด เพราะที่ผ่านมาบางตัวตั้งราคาในระดับสูง แต่ผลออกมาต่ำสุดก็เป็นไปได้
ด้านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ แจ้งว่า หลังจากที่ธนาคารได้ทำการเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เป็นวันแรก (21 เม.ย.) ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก และธนาคารได้ปิดให้จองซื้อหุ้นดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยง เนื่องจากมียอดจองรวม 240 ล้านหุ้น ซึ่งเกิน 3 เท่าของยอดขายหุ้นที่ธนาคารรับจัดจำหน่ายคือ 80.9 ล้านหุ้น
สำหรับการจองซื้อดังกล่าว ผู้จองซื้อจะต้องต้องจ่ายเงินค่าหุ้นในราคาสูงสุดหุ้นละ 13 บาท จากราคาที่กำหนดไว้ที่ 9-13 บาท และหากราคาจริงซึ่งจะสรุปจากการ Book Building ในวันที่ 24 เมษายนออกมาต่ำกว่าระดับดังกล่าว ธนาคารจะดำเนินการโอนเงินคืนให้ผู้ซื้อในภายหลัง
ทั้งนี้ ธนาคารจะดำเนินการสุ่มหาผู้จองหุ้นก่อนเที่ยงในวันที่ 25 เมษายนนี้ และจะสามารถให้ตรวจสอบรายชื่อได้ทันทีที่ดำเนินการแรนดอมเสร็จสิ้น ทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร
นายมงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทได้รับแจ้งจาก บล. ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ว่า การเปิดจำหน่ายหุ้นเอสโซ่ผ่านธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย ในราคาหุ้นละ 13 บาท วานนี้ มียอดจองซื้อเข้ามาถึง 3 เท่า ของจำนวนหุ้นที่มีการจำหน่ายทั้งหมด ดังนั้นบริษัทจะยุติการจำหน่ายหุ้นเอสโซ่ และจะมีการสุ่มเลือกผู้ได้รับหุ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (แรนดอม) และจะประกาศราคาไอพีโอในวันที่ 24 เม.ย. นี้
"หุ้นเอสโซ่ ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการตลาด หรือมาร์เก็ตแคปที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี ที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ" นายมงคลนิมิตร กล่าว
โบรกวิเคราะห์พื้นฐานESSOด้อย
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เกียรตินาคิน กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานบมจ.เอสโซ่ค่อนข้างด้อยกว่า บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอุตสาหกรรมการกลั่นครบวงจร และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) ที่มีรายได้จากธุรกิจอะโรเมติกส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว
ขณะที่ด้านศักยภาพการเติบโตของ ESSO มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่มากนัก เนื่องมาจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากค่าการกลั่น ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 จนถึงปี 2552 ค่าการกลั่นในตลาดโลกอาจจะมีการปรับตัวลดลงจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้ประเมินราคาเหมาะสมของบมจ.เอสโซ่ที่ 13.85 บาท ที่ระดับ PE ที่ 7.78 เท่า อย่างไรก็ตาม บมจ.เอสโซ่ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.00 บาท ซึ่งถ้ากำหนดราคาไอพีโอที่ 13 บาท จะคิดเป็นเงินปันผลกว่า 7.7% ทำให้หุ้นเอสโซ่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว
"ถ้าพิจารณาในภาพใหญ่แล้ว ESSO จะเป็นอันดับที่ 3 เมื่อเทียบกับไทยออลย์ และ PTTAR ตอนนี้ราคาไอพีโอที่แท้จริงยังไม่กำหนดแต่คาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างประมาณ 9-13 บาท ซึ่งถ้าราคาไอพีโอหยุดที่กรอบบน ทำให้หุ้นอาจไม่ค่อยมีความน่าสนใจมากนัก เพราะมีช่วงให้เพิ่มขึ้นได้อีกไม่มาก แต่ถ้าหยุดแถวกรอบล่างก็ทำให้หุ้นน่าจะมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น" นางสาววิริยา กล่าว
สำหรับบมจ. เอสโซ่ ดำเนินธรกิจโรงกลั่นน้ำมันขนาด 1.77 แสนบาร์เรล/วัน มีเอ็กซอน โมบิลอินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง อิงค์ ถือหุ้น 86.77% และกระทรวงการคลัง 12.50% โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระคืนหนี้ระยะสั้นที่มีอยู่ 23,700 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีหนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 เท่า
|
|
|
|
|