|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำเสียวระบบซื้อขายสะดุดโดยไม่ทราบสาเหตุ โบรกเกอร์ 13 รายส่งคำสั่งซื้อขายไม่ได้ ทำให้ออร์เดอร์ตกค้าง 576 ล้านบาท แต่แก้ได้ทันควัน "ภัทรียา" เผยเร่งควานหาสาเหตุด่วน ด้านนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นแบงก์-พลังงาน ฉุดดัชนีติดลบ 3.42 จุด แต่วอลุ่มคึกคัก 2.4 หมื่นล้านโบบาท เชื่อวันนี้แกว่งตัวขึ้นได้ พร้อมแนะลงทุนหุ้นน้ำมัน ถ่านหิน เกษตร ที่ได้รับอานิสงส์ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 เม.ย.) ดัชนีปรับตัวในทิศทางที่ผันผวน โดยช่วงเช้ามีการเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก ก่อนจะมีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์-พลังงานออกมาในช่วงบ่าย กดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงปิดที่ 841.98 จุด ลดลง 3.42 จุด หรือลดลง 0.40% ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 853.50 จุด ต่ำสุดที่ 840.36 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 24,334.26 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 940.54 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 461.93 จุด นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 478.61 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ระบบสื่อสารส่วนหน้า (Front-End Communication System) ของระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขัดข้อง ตั้งแต่เวลา 10.51 น.ของวันที่ 21 เมษายน 2551 ส่งผลให้การรับ-ส่งคำสั่งซื้อขายระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทสมาชิก (โบรกเกอร์) ประมาณ 12-13 ราย ไม่ได้ชั่วขณะ โดยมีมูลค่าการซื้อขายที่ส่งเข้ามาช่วงที่มีปัญหาจำนวน 576 ล้านบาท
"แม้ว่าออร์เดอร์ดังกล่าวจะชะงักไปชั่วคราว แต่ออร์เดอร์ยังคงอยู่ ไม่ต้องส่งออร์เดอร์ใหม่ เพียงแต่ล่าช้าไป หลังจากนั้นก็สามารถจับคู่กันได้"
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการแก้ไขดังกล่าวได้เรียบร้อยทำให้ไม่ต้องสั่งพักการซื้อขาย เนื่องจาก ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดว่าหากโบรกเกอร์มีการส่งออร์เดอร์ไม่ได้ 1 ใน 3 ของโบรกเกอร์ทั้งหมด ภายในเวลา 15 นาที จะต้องหยุดพักการซื้อขาย แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถแก้ไขได้ทันเวลา แต่ยังมีบางโบรกเกอร์ที่ยังไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้หลังจากนั้น เพราะระบบโบรกเกอร์ล่าช้า โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอแจ้งยืนยันว่าระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ระบบที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานได้ตามปกติในวานนี้
สำหรับความขัดข้องของระบบการซื้อขายนั้น ยอมรับว่าอาจทำให้นักลงทุนบางรายเสียโอกาสในการลงทุนบ้าง แต่เชื่อว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่มาก เพราะดูจากมูลค่าการซื้อขายที่ส่งเข้ามาในช่วงที่เกิดปัญหานั้นมีเพียง 576 ล้านบาท และประเมินจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 3 จุด มูลค่าการซื้อขายก็ไม่มากนักจึงเชื่อว่าไม่น่าส่งความเสียหายมากนัก
นางภัทรียา กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบความขัดข้องการซื้อขายเกิดจากสาเหตุใด แต่เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้เกี่ยวกับการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเปลี่ยนระบบการซื้อขายใหม่ ที่จะเตรียมรองรับกับการเปิดซื้อขายสินค้าใหม่ และการเชื่อมต่อการซื้อขายกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เพื่อที่จะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายที่มีขนาดใหญ่ได้ในอนาคต เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่าจะเปลี่ยนระบบใหม่ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่จากที่ขณะนี้ยังไม่มีความพร้อมจึงได้เลื่อนออกไปก่อน โดยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลาว่าจะดำเนินการเปลี่ยนได้ในช่วงไหน
"ระบบการซื้อขายส่วนหน้าของตลาดหลักทรัพย์ฯมี3 ตัว แต่ขัดข้อง 1 ตัว ทำให้ส่งคำสั่งซื้อขายไม่ได้ ส่วนตัวเชื่อว่าระบบการซื้อขายที่ขัดข้อง ไม่ได้เกิดจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการทดสอบระบบการซื้อขายใหม่ เพราะ เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการทดสอบเป็นประจำทุกๆ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดขึ้นจากปัญหาใด "นางภัทรียา กล่าว
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา หลังจากที่มีการประกาศผลประกอบการออกมาที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนเข้ามาซื้อทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นการปรับพอร์ตระยะสั้น โดยมูลค่าการซื้อขายวานนี้ยังคงหนาแน่อยู่ระดับสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดถือว่าอยู่ในระดับที่ดี จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนได้คลายความกังวลในเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) โดยในปีนี้ถือว่าหุ้นกลุ่มธนาคารน่าลงทุน ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาน่าสนใจที่จะเข้าไปซื้อลงทุน โดยเฉพาะหุ้นธนาคารสิกรไทย และกรุงเทพ
ส่วนมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้น ทำให้หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ฯมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนแต่จะเป็นลักษณะเก็งกำไร เท่านั้น ในช่วงที่วอลุ่มสูง โดยหุ้นที่โดดเด่น คือ บล. ภัทร จากที่ผลประกอบการจะเติบโตดี จากเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เอสโซ่ จำกัด (มหาชน)
ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวเพิ่มขึ้นได้ จากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยนักลงทุนควรซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เกษตร สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นหุ้นที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงนี้ แต่หุ้นแบงก์ถือว่าหมดรอบความน่าสนใจแล้วแต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาวก็สามารถเข้าไปซื้อได้ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 835 จุด แนวต้านที่ระดับ 850 จุด
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน จากที่นักลงทุนมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น และขายทำกำไรหุ้นแบงก์หลังจากที่งบการเงินหุ้นกลุ่มดังกล่าวประกาศออกมา จากก่อนหน้าเข้ามาซื้อเก็งกำไรไว้
ทั้งนี้ จากการที่มูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ประเมินว่าวอลุ่มยังไม่หนาแน่นต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์เมื่อราคาปรับตัวลดลงมา โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 835 จุด แนวต้านที่ระดับ 845 จุด
|
|
|
|
|