เอสซี แอสเซทฯ ประกาศระดมทุนพันล้าน เข้าตลาดฯ เดือน ต.ค.นี้ เพื่อรุกโครงการใหม่เพิ่ม
ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง และเตรียมยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.แล้ว ขณะที่ AIT
โบรกฯ คาดราคาหุ้นที่เหมาะสม 21-23 บาท โดยกระจาย 7 ล้านหุ้น และเปิดจองกลางเดือนกรกฎาคม
ก่อนเข้า เทรดในตลาดหลักทรัพย์ปลายเดือนเดียวกัน
นายสุรเธียร จักรธรานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น
จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีโครงการที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ประมาณเดือนตุลาคมปีนี้
โดยจะเพิ่มทุน 800-900 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,850 ล้านบาท พาร์
10 บาท ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อ ใช้ในการลงทุนเพิ่ม โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการปรับโครงสร้างและกำลังจะยื่นไฟลิ่งหรือแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด
หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งบล.ธนชาติเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายสุรเธียรกล่าวว่าปีนี้ คาดว่า จะมีรายได้ประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการให้เช่าสำนักงานประมาณ
80% ในส่วน ที่เหลือเป็นการสร้างบ้าน กับงานวิชา ชีพ ส่วนกำไรยังคาดว่าจะยังโตขึ้นจาก
ปีที่แล้วอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถ ระบุได้ในขณะนี้ เนื่องจากทางบริษัทจะมีการขยายโครงการเพิ่ม
ทั้งนี้คาดว่า ปีนี้จะมีทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 3,000 ล้านบาท โดยจะใช้เงินทุนจากกระแสเงิน
สดหมุนเวียน โดย 5 โครงการนั้นจะมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ซึ่งจะเป็นบ้านระดับ
B หรือจับลูกค้าระดับกลางขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นของ บริษัทแอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
( AIT) เป็นผู้ให้บริการ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยรายได้หลัก 90.0%
มาจาก การให้บริการด้านการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายสารสนเทศ ส่วน 9.4% มาจากค่าบริการบำรุงรักษาและพัฒนาระบบ
และ 0.6% มา จากการให้เช่าระบบสารสนเทศ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการยื่นไฟลิ่งก่อนกระจายหุ้นเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
บล.ไซรัส ทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ AIT ว่า การที่ AIT มีรายได้หลักพึ่งพิงภาครัฐ
รายได้หลักของบริษัท 70% มาจากภาครัฐ ซึ่งในกลุ่มนี้ บมจ. ทศท. คอร์ปอเรชั่น และการสื่อสารฯ
ถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัท โดยในปี 2545 รายได้หลักจากองค์กรทั้งสองมี มูลค่ารวมกันเป็นสัดส่วน
69.4% ของ รายได้ทั้งหมด จากผลงานที่ผ่านมา ผู้ บริหารเชื่อมั่นว่าจะยังคงได้รับความวางใจจากทั้งทศท.และ
กสท. อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2546 มีการคาดการณ์ กันว่ามูลค่าตลาดรวมจะเติบโต 12% นอกจากนี้ บริษัทวิจัย
IDC ยังได้ประมาณการอัตราการขยายตัวของธุรกิจไอทีจนถึงปี 2549 ว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย
18% ต่อปี โดยจะมีมูลค่าตลาด รวม 147.0 พันล้านบาทในปี 2549 แต่ การแข่งขันสูงโอกาสในการทำกำไรของ
AIT จะเพิ่มสูงมากเป็นไปได้ยาก
บทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ราย ได้ปี 2546-2547 เติบโต 26.7% และ 18.2% ส่วนแบ่งตลาดของบริษัท
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ในปี 2543 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 0.8% ของมูลค่า
ตลาดรวม ส่วนในปี 2544 มูลค่างานที่ประมูลได้มีสัดส่วน 1.3% ของตลาด รวม และเพิ่มขึ้นเป็น
1.6% ในปี 2545 เราคาดว่าส่วนแบ่งตลาดของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.8% ในปี 2546-2547
ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ทำให้โตต่อเนื่อง
การเพิ่มทุนจะทำให้สภาพคล่อง ดีขึ้น การมีขนาดกองทุนที่เล็กและมีเงินทุนหมุนเวียนน้อยเป็นข้อจำกัดใน
การรับงานขนาดใหญ่ ซึ่งการเพิ่มทุน IPO ครั้งนี้ จะทำให้สภาพคล่องทาง การเงินดีขึ้น
และสามารถเข้าร่วมการประมูลโครงการขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเป็น Subcontractor
ซึ่งอีกไม่นานบริษัทจะมีอัตรากำไร ขั้นต้นกว่า 20% อันจะส่งผลต่อการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้นมูลค่าที่เหมาะสม อยู่ในช่วง 21-23 บาท/หุ้น จากการคำนวณทั้งจาก PE
Multiple, PBV, และ DDM ทั้งนี้ AIT อยู่ระหว่างการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โดยกระจายหุ้นขายให้ประชาชนจำนวน 7 ล้านหุ้น กำหนดระยะการจองซื้อไว้ราวกลางเดือน
ก.ค. และคาด ว่าจะเริ่มทำการซื้อขายประมาณปลาย เดือนเดียวกัน