Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 เมษายน 2551
หุ้นไทยพุ่ง12จุดรับน้ำมัน             
 


   
search resources

Stock Exchange




ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งกว่า 12 จุดรับตลาดหุ้นทั่วโลก บวกกับแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ โดยนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิเกือบ 2.8 พันล้านบาท บล.ทิสโก้ ชี้เม็ดเงินเฮดจ์ฟันด์ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ลุ้นดัชนีทะลุ 900 จุดในเดือน พ.ค.นี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สดใส ด้าน "วิวัฒน์" ชี้ การเมืองจะเริ่มปะทุฉุดตลาดหุ้น ตั้งแต่คดียุบพรรคปลายไตรมาส 3 และยุบสภาในไตรมาสแรกปีหน้า

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (17 เม.ย.) ได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้ง รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 847.66 จุด และต่ำสุดที่ 838.54 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 845.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.05 จุด คิดเป็น 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 28,146.08 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,756.55 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 9.58 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,746.96 ล้านบาท

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า กองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) จากต่างประเทศยังคงเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28% บวกกับราคาหุ้นไทยถูก มีค่าพีอีต่อกำไรสุทธิ (PEG) อยู่ที่ 0.4 เท่า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย

ขณะเดียวกัน จากการที่ดอกเบี้ยต่างประเทศต่ำทำให้การฝากเงินไม่คุ้มจึงมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 นี้ เพราะตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค แต่จะเข้ามาในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้นๆ เท่านั้น ก่อนจะมีการชะลอการลงทุนในช่วงปลายเดือนแต่ละเดือน เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา หลังจากนั้นนักลงทุนจะพิจารณาการลงทุนใหม่อีกครั้ง

สำหรับเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนจะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น หุ้นถ่านหิน น้ำมัน อาหาร และเหล็ก จากการที่ราคาสินค้าดังกล่าวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้านั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 860 จุดได้ แต่จะมีการชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงปลายเดือนเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากมีทิศทางที่ดีจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ดัชนีอาจจะสามารถปรับตัวแตะระดับ 900 จุดได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ หากนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิประมาณ 20,000 หมื่นล้านบาท

ในทางตรงกันข้า หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ติดลบ จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นต่างปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์ต่างประเทศประเมินว่าจีดีพีของอเมริกาจะเติบโต 0.2-0.4% แต่ทางบล.ทิสโก้ ประเมินว่าจีดีพีของอเมริกาจะติดลบ 0.5%

ด้านปัจจัยด้านการเมืองในประเทศนั้น นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยุบพรรคชาติไทยและมัชณิมาธิปไตย ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาก่อนส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคในไตรมาส 4 ส่วนพรรคพลังประชาชนจะเข้าสู่ขบวนการยุบพรรคต่อไป และในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ 309 การเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และคาดว่าในไตรมาส 1/52 จะมีการยุบสภา

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดคาดการณ์ บวกกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 1/51

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (18 เม.ย.) คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ จากการที่นักลงทุนจะยังคงเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง และผลประกอบการไตรมาส 1/51 ของบริษัทจดทะเบียน แต่นักลงทุนต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มทยอยออกมา ซึ่งอาจทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 840 จุด และแนวต้านที่ระดับ 850 จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ และจากการที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่ผลประกอบการไตรมาส 1/51 ของสถาบันการเงินต่างๆ ออกมาดีทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) ส่งผลให้ตลาดทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

"ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ แต่จากการที่ในปลายเดือนนี้ สหรัฐฯ จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอติดตามตัวเลขดังกล่าว แต่ในระยะสั้นคาดดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ที่ 850 จุด ซึ่งหากปรับตัวเพิ่มสูงกว่า850จุด ได้ ก็สามารถที่จะไปแตะที่ 860 จุด ได้"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us