|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับการเมืองกระทบนักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้น แต่มั่นใจปัจจัยพื้นฐานแกร่งหนุนตลาดหุ้นพุ่ง พร้อมชี้วอลุ่มเทรดเดือนเม.ย. 51 หนาแน่นเกินคาดเฉลี่ยวันละ 1.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 64% ด้านนักวิเคราะห์ชี้ต่างชาติแห่เก็งผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยอดซื้อสุทธิ 1.1 พันล้านบาท หนุนดัชนีตลาดหุ้นทะลุ 830 จุด วอลุ่มทะลัก 2.1 หมื่นล้านบาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 เม.ย.) ซึ่งเปิดเป็นวันแรกหลังจากหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเล็กน้อยตลอดทั้งวัน จนกระทั่งช่วงท้ายตลาดได้มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน เพื่อหวังเก็งกำไรผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกปี 2551
จากแรงซื้อที่มีเข้ามาทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 835.13 จุด ต่ำสุด 826.08 จุด และปิดการซื้อขายที่ 833.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.76% มูลค่าการซื้อขาย 21,328.03 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,135.46 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 230.10 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 905.36 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สืบเนื่องจากนักลงทุนได้พิจารณาจากปัจจัยบวกต่างๆ แล้วจึงตัดสินใจเข้ามาลงทุน รวมทั้งอาจได้รับผลดีจากการที่นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ต่างประเทศ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้
ทั้งนี้ การโรดโชว์ที่สหรัฐฯ ของกระทรวงการคลังจะมีกองทุนขนาดใหญ่เข้ารับฟังข้อมูลจำนวน 32 กองทุน และวานนี้ (16เม.ย.) ไปโรดโชว์ที่ลอนดอนมีกองทุนเข้าร่วมฟังข้อมูล จำนวน 50 กองทุน
"ในการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยวันที่ 23 เม.ย.นี้ ทางรมว.คลังจะนำผลโรดโชว์ต่างประเทศมาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร และจะมีกาหารือในเรื่องแผนพัฒนาตลาดทุนไทย"
นางภัทรียา กล่าวว่า จากการที่รมว.คลังเป็นผู้ให้ข้อมูลต่างๆ กับนักลงทุนต่างชาติโดยตรง จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจและสามารถสอบถามในเรื่องต่างๆ ได้กับผู้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในระยะยาวทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน โดยในวันที่ 24 เมษายนนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะเชิญรมว.คลังร่วมไปให้ข้อมูลด้วย
สำหรับการเดินทางไปโรดโชว์ ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ มีบล.ไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการ และในปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นมิถุนายนมีเครดิตสวิส เฟิร์ทส์ บอสตัน เป็นผู้จัด ซึ่งเชิญตลาดหลักทรัพย์ฯไปโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐฯ โดยจะพาบจ.ขนาดกลางและเล็กไปโรดโชว์ครั้งนี้ด้วย ประมาณ 10 บริษัท เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีโอกาสไปพบนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งปกติแล้วนักลงทุนต่างประเทศจะสนใจที่จะพบกับบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่
คดียุบพรรคกระทุบตลาดหุ้นไทย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น ถือว่าปัจจัยการเมืองดังกล่าวมีผลต่อการตัดสินต่อการลงทุนของนักลงทุนทำให้มีการชะลอการลงทุนบ้าง แต่นักลงทุนต้องติดตามข้อมูลจนกว่าศาลศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสิน ซึ่งหากพิจารณาในระยะยาวในเรื่องปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนมากกว่า แม้จะมีปัจจัยลบในเรื่องการเมือง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นภูมิภาค
ไตรมาส1ต่างชาติปรับพอร์ต
นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ต้นปี 51 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิ เกิดจากการขายหุ้นไทยเพื่อนำเงินไปสำรองไว้จากที่ได้รับผลขาดทุนจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) และบางส่วนนำไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้
"แม้ต่างชาติจะทิ้งหุ้นไทยไป แต่จากการที่สอบถามไปยังโบรกเกอร์ต่างประเทศ พบว่านักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพิ่มสินค้าเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติมีทางเลือกลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งการที่บมจ.เอสโซ่ กำลังจะเข้าซื้อขายจึงถือเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเช่นกัน"
สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนเมษายน 51 นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า โดยปกติแล้วเดือนเม.ย.จะมีมูลค่าการซื้อขายเงียบเหงา แต่จากข้อมูลในช่วงวันที่ 1-11 เมษยาน 51 พบว่า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 10,572 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีถึง 11 เมษายน 51 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 19,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.74% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 11,675 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามูลค่าการซื้อขายไม่ซบเซาอย่างที่คิดและเป็นวอลุ่มซื้อขายที่น่าพอใจ
วอลุ่มในปท.พยุงตลาดหุ้น
ส่วนมูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนนั้น เป็นการลงทุนของนักลงทุนภายในประเทศ เพราะ จากต้นปีถึงวันที่ 11 เมษายนนั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 14,707.97 ล้านบาท จากที่นักลงทุนไทยมีความมั่นใจในเรื่องการเมืองมีความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง และมีการประกาศนโยบายการดำเนินงาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีกับบริษัทจดทะเบียน และการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยตลาดหุ้นไทยถือว่ามีเสถียรภาพมากกว่าตลาดหุ้นอื่น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเพียง 3.6% แต่ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลงถึง 10-20%
ต่างชาติเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ คือดัชนีสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 830 จุด และวอลุ่มซื้อขายหนาแน่น ซึ่งเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีเข้ามาในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/51 ที่กำลังจะเริ่มประกาศในช่วงวันสัปดาห์นี้
ประกอบกับหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น หุ้นน้ำมัน เดินเรือ ถ่านหิน จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 113 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาถ่านหินที่นิวคาสเซิล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5%จากปีก่อน และหุ้นเกษตร จากที่ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น
"บริษัทแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น บริษัทแนะนำให้มีการขายทำกำไร ในช่วงที่มีการประกาศผลประกอบการออกมาจากก่อนหน้านี้บริษัทแนะซื้อลงทุน ทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนการโรดโชว์ของรมว.คลังก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่หนุนตลาด เพราะ นักลงทุนต่างประเทศต้องการที่จะทราบทิศทางการดำเนินงานของรัฐบาลนโยบายต่างๆซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการไปโรดโชว์ "นางสาวมยุรี กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 เม.ย.) คาดว่าน่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่จะไม่แรงเหมือนกับวานนี้ เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงอาจทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นดาวโจนส์ จากการที่ทาง สถาบันการเงินต่างประเทศ คือ เจพีมอร์แกน จะมีการประกาศผลประกอบการออกมา และต้องติดตามในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 830 จุด แนวต้านที่ระดับ 840 จุด
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะประกาศออกมาและคาดว่าจะออกมาดี และเข้ามาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น ปตท. ปตท.สผ จากที่ราคาผลประกอบการจะออกมาดี จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งขณะนี้ทรงตัวที่ระดับ 110 เหรียญต่อบาร์เรล
ขณะเดียวกัน การที่รมว.คลังเดินทางไปโรดโชว์ถือว่าเป็นปัจจัยบวกใหม่ที่เข้ามาหนุนดัชนีฯ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ จากสามารถสอบถามในเรื่องาข้อมูลต่างๆได้ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนไปโรดโชว์ก็จะได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้มีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยคาดดัชนีวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 830 -840 จุด
|
|
 |
|
|