Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์14 เมษายน 2551
"ไทยศรีประกันภัย"หลังยุค"ซูริค"เอี่ยวเครือญาติ"ยูนิคฯ"กินเบี้ย"พื้นที่สัมปทาน"             
 


   
search resources

Insurance
ไทยศรีประกันภัย




จุดเปลี่ยนของ "ไทยศรีประกันภัย" ในระยะหลัง เกิดขึ้นภายหลังการจากไปของ "ซูริค" พันธมิตรเก่าแก่จาก "สวิส" ทำให้ธุรกิจที่เคยยึดเกี่ยว "ธุรกิจโฮลด์เซลส์" องค์กรระดับสากล มายาวนาน ต้องหันมาพึ่งพาสายสัมพันธ์ของธุรกิจเครือญาติ "บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น " ผ่านงานสัมปทานก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะสัมปทานสร้างเขื่อน โรงงานไฟฟ้า และโรงแรม รีสอร์ตในลาว ควบคู่ไปกับการปลุกชื่อ "แบรนด์" ในรอบ 50 ปี เพื่อเปิดตลาดลูกค้ารายย่อย....

ถ้าจะติดตาม ทิศทางการทำธุรกิจของ "ไทยศรีประกันภัย" ก็คงเลี่ยงไม่พ้นต้องเดินตามรอย 2 ตระกูลใหญ่ คือ ศรีเฟื่องฟุ้ง และพาณิชชีวะ เพราะทั้งสองตระกูลเป็น กลุ่มก้อนธุรกิจที่พึ่งพาอาศัยกันมาตลอดผ่านการเกี่ยวดองทางเครือญาติ จนล่วงเลยวัย 55 ปี ไม่นานมานี้

ไทยศรีประกันภัย คือ ชื่อใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้มีชื่อ ไทยศรีซูริคประกันภัย เป็นบริษัทร่วมทุนเป็นพันธมิตรกับ กลุ่มซูริค ไฟแนนซ์เชียลเซอร์วิสประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้ก่อนหน้านั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงจำกัดวงอยู่ในกลุ่มองค์กรระดับสากล ขนาดใหญ่ ที่มีการประกันภัยด้วยทุนประกันก้อนโต โดยมี ซูริคเป็นตลาดรับประกันภัยต่อไปต่างประเทศ

แต่การม้วนเสื่อกลับไปรักษาฐานตลาดในยุโรป ของซูริค เมื่อไม่นานมานี้ ก็ทำให้ "ไทยศรีประกันภัย" ตกอยู่ในสถานการณ์ต้องพึ่งพากลุ่มก้อนธุรกิจในเครือเพื่อขยายตลาดประกันภัยทดแทน ดังนั้นลูกค้าหลักจึงเป็น อุตสาหกรรม โรงงานขนาดใหญ่ และธุรกิจส่งออก รวมถึงงานสัมปทานจากประเทศเพื่อนบ้าน

"ยุคสมัยเปลี่ยนไป การรับรู้ข่าวสาร และเรื่องของภาพพจน์จึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญ ในอดีตคนคิดว่าประกันภัยต้องเป็นเรื่องของคนระดับรายได้สูงๆ จึงถูกตีกรอบแคบๆ เพราะมองไม่เห็นความจำเป็น แต่สมัยนี้ คนเข้าใจธุรกิจมากขึ้นเข้าใจถึงความเสี่ยงจึงต้องมีการทำประกันภัย ดังนั้นจึงต้องถามตัวเองว่า จะทำอย่างไรให้คนรู้จักและมองภาพลักษณ์ดีขึ้น"

นที พาณิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยศรีประกันภัย บอกข้อมูล ฐานลูกค้ากลุ่มไทยศรีฯ ส่วนใหญ่เป็นตลาดองค์กร หรือ รายใหญ่มาตั้งแต่แรกก่อตั้งธุรกิจ โดยมีประกันภัยรถยนต์เป็นสัดส่วนใหญ่ 60% อัคคีภัย 20% เบ็ดเตล็ด 10% ที่เหลือก็เป็นประกันทางทะเล และขนส่ง ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นองค์กรใหญ่ รวมถึงการรับงานจากบริษัทในเครือรวมไว้ด้วย

"ข้อดีของการมีเบี้ยรถยนต์ก็คือ ปริมาณเบี้ยสูงกว่า เบี้ยประเภทอื่น ดังนั้นก็จะมีเม็ดเงินลงทุนมากกว่า แต่ก็มีข้อเสียคืออัตราการเคลมสินไหมก็สูงกว่าเบี้ยประเภทอื่น"

ปัจจุบัน ไทยศรีประกันภัย มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท มีเงินลงทุน 2,000 ล้านบาทและมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 440 ล้านบาท มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,600 ล้านบาท และมีเป้าหมายจะเพิ่มในปีนี้ 1,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น ขยายตัว 10%

การจับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ จึงทำให้ตลาดส่วนใหญ่กระจายอยู่ในตลาดที่ค่อนข้างเฉพาะตัวมากขึ้น อาทิ การทำประกันภัยเรือยอร์ช เครื่องบิน และรถยนต์ประเภท คลาสสิค คาร์

นที อธิบายว่า ในปี 2551 ไม่ได้โฟกัสไปที่การแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น แต่จะเน้นการปรับปรุงคุณภาพภายในองค์กร บุคคลากร ระบบไอที และภาพพจน์องค์กร โดยการจัดงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท และอีกไม่เกิน 10 ล้านบาทสำหรับ การสร้างแบรนด์ และภาพลักษณ์บริษัท ซึ่งงบส่วนนี้ไม่เคยมีมาก่อน นับจากก่อตั้งบริษัทมาได้ 50 ปี

" สมัยก่อน ต่อให้โฆษณา ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนซื้อประกันเป็นคนกลุ่มเล็ก เป็นองค์กร แต่สมัยใหม่ สังคมกระจายตัว คนรู้จักการทำประกันภัยมากขึ้น ทำให้เกิดแรงผลักดันจากคนกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่จะมองเป็นเป้าหมายในอนาคต"

อย่างไรก็ตาม นที ยอมรับว่า ไทยศรีประกันภัย ในยุคหลังจะเดินเกาะกระแสของบริษัทในเครือ หรือ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง คอนสตรัคเจอร์มากขึ้น โดยเฉพาะการเจาะเข้าไปในโครงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว ในโครงการสัมปทานสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงโรงแรมและรีสอร์ตในลาว ซึ่งเป็นประเทศที่นักลงทุนยังเข้าไปลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับเวียดนาม และพม่า

โดยมองว่าฝ่ายหลังยังมีความไม่แน่นอนด้านการเมือง ขณะที่เวียดนามมี นักลงทุนเข้ามาลงทุนค่อนข้างมากแล้ว

นอกจากนั้น ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ ก็เปิดรับการลงทุนมากขึ้น เงินลงทุนก็จะหลั่งไหลไปลงทุนมากขึ้น ทั้งลาว พม่า เขมร รวมถึงเวียดนาม ดังนั้นบริษัทรับเหมาก่อสร้างไทยก็จะใช้บริการประกันภัยและธนาคารในประเทศมากขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่มีความเสี่ยง เพราะไม่มีปัญหาด้านกฎหมาย เพราะบังคับใช้กฎหมายไทย รวมทั้งไม่มีปัญหาด้านการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย

การเข้าไปรับงานในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านสายสัมพันธ์ธุรกิจในเครือ จึงถือเป็นก้าวแรกของกลุ่ม ไทยศรีฯ โดยปีนี้จะเริ่มศึกษาถึงการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยการศึกษาข้อมูลประเทศนั้นๆ รวมทั้งกฎหมาย ว่าถ้าจะเข้าไปลงทุนจะเข้าไปในรูปแบบใด ทั้งในพม่า ลาว และเขมร

นที บอกว่ามีการตั้งทีมเป็นการภายใน โดยร่วมกับ ยูนิคฯ เพื่อศึกษาเรื่องนี้ โดยสเต็ปแรก จะเป็นการเข้าไปรับงานสัมปทานเอง และรับสวมสิทธิ์ บริษัทที่ได้รับสัมปทานสร้างเขื่อนมาก่อนนี้ด้วย รวม 10 กว่าแห่ง ดังนั้นก้าวแรกจึงพูดถึงการรับประกันภัยทรัพย์สินจากโครงการเพียงเท่านั้น

ขณะที่สเต็ปต่อไป อาจจะศึกษาถึงการเข้าไปตั้งสำนักงานตัวแทนหรือ สำนักงานสาขาในลาว ถ้าจะต้องขยายตลาดลูกค้ารายย่อย หรือ เข้าไปให้บริการ ลูกค้าองค์กร ที่เข้าไปลงทุนในลาว

"เราจะมองหาผู้ลงทุนไทยในลาวเป็นหลัก เพราะความเสี่ยงน้อยกว่า เนื่องจากจะใช้สิทธิ์เรียกร้องที่จะเกิดโดยใช้หลักกฎหมายในประเทศไทยเป็นเกณฑ์ในการคุ้มครองทรัพย์สิน แต่ถ้าจะเข้าลึกถึงขั้นตอนต่อไป ก็จะต้องศึกษาทั้งกฎหมายลาวและไทยด้วยเพราะค่อนข้างต่างกัน"

นทีบอกว่า สำหรับตลาดลุกค้ารายย่อยที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน ปีนี้เริ่มจะมองถึงการสร้างฐานผ่านช่องทางใหม่ๆ เช่น เทเลเซลส์ หรือ ตลาดไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง จากที่อาศัยแต่ ช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์เป็นหลักมาก่อนหน้านี้

" เราจะไม่ทิ้ง ฐานลูกค้าโฮลด์เซลส์ที่เราเริ่มต้นมาตั้งแต่แรก เพราะฐานลูกค้าเรามาจากกลุ่มนี้ แต่ตลาดรีเทล จะพยายามสร้างช่องทางการตลาดให้มากขึ้น โดยจะขยับเข้าไปเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด เพื่อรองรับลูกค้าคนรุ่นใหม่"

การตลาดในยุคหลังวัย 55 ขวบปี ของไทยศรีประกันภัย ของทั้ง 2 ตระกูล คือ ศรีเฟื่องฟุ้ง และพาณิชชีวะ จึงมีฐานลูกค้าที่เกี่ยวพันธ์กับธุรกิจในเครือ อย่างเหนียวแน่น ฝ่ายไหนมีงานเข้ามามาก ก็จะทำให้อีกฝ่ายได้รับอานิสงส์ไปด้วย....   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us