|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ช่อง 3 ฟุ้ง ไตรมาสแรกคาดโต 7-14% สวนภาพรวมทีวีดิ่งติดลบ 7-9% เหตุม.ค.คนไทยร่วมไว้อาลัยในการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ เชื่ออุตสาหกรรมทีวีปีนี้ต้องดีขึ้นอย่างน้อย 4-5% มั่นใจแรงอั้นการใช้สื่อโฆษณาทีวีมีสูง เตรียมใช้สื่อแน่หลังจากนี้ ส่งผลปลายปีช่อง 3 น่าจะเติบโตตามแผนที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10%
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ของปีนี้ อย่างไม่เป็นทางการเชื่อว่าน่าจะมีการเติบโตประมาณ 7-14% ขณะที่ภาพรวมตลาดทีวีติดลบที่ 7-9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สาเหตุของติดลบนี้ เนื่องจากในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เศร้าโศกสำหรับคนไทยทั้งประเทศขึ้น กับการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ จึงมีการร่วมไว้อาลัยกันขึ้น ขณะเดียวกันปีก่อนช่วงเวลาดังกล่าวยังมีสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี แต่ปีนี้ไม่มี จึงทำให้เม็ดเงินโฆษณาลดลง ซึ่งถ้าไม่นำเอาทั้ง 2 เรื่องมาคิดแล้ว อุตสาหกรรมยังมีการเติบโตอยู่ถึง 7%
สำหรับตัวเลขการเติบโตของ ช่อง 3 เชื่อว่ามาจากการเติบโตในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. เป็นหลัก โดยเฉพาะมาจากช่วงเวลาไพร์มไทม์ ตั้งแต่เวลา 20.30-22.30 น. ที่เป็นช่วงของละคร ซึ่งปีนี้มีอัตราการเติบโตของเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน อีกทั้งปีนี้ยังมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นด้วยจาก 4.2 แสนบาทต่อนาที เป็น 4.5 แสนบาท ต่อนาที
นอกจากนี้ในช่วงนอนไพร์มไทม์ ยังเป็นอีกช่วงหนึ่งที่อัตราการเติบโตของเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเออลี่ ไพร์มไทม์เวลา 18.00-20.00 น. ที่มีรูปแบบรายการสอดคล้องกันทำให้ผู้ชมสามารถรับชมรายการได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนรายการที่มีอัตราโฆษณาดีขึ้น เช่น รายการข่าวอย่าง เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเด่นเย็นนี้ ยอมรับว่าเวลาของโฆษณาเติบโตขึ้นมาก
ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบสัดส่วนผู้ชมในแต่ละวันของในไตรมาส 1 แล้ว โดยเฉลี่ยช่อง 3 มีส่วนแบ่งคนดูกว่า 30% ส่วนในแง่ของมูลค่าแล้ว มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 25% จากมูลค่าอุตสาหกรรมทีวี 55,000 ล้านบาท
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า จากปัจจัยที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 รวมทั้งการที่ปีก่อนลูกค้ามีการอั้นการใช้เม็ดเงินในสื่อทีวี จากสาเหตุที่ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นกับปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองนั้น เชื่อว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป จะมีการเทเม็ดเงินมาใช้กับสื่อทีวีมากยิ่งขึ้น เพราะทนแรงอั้นไม่ไหวแล้ว จำเป็นต้องใช้สื่อทีวีจริงๆแล้ว ซึ่งมองว่าทั้งปีอุตสาหกรรมทีวีน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 4-5% แม้ว่าจะไม่มีสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีก็ตาม ส่วนช่อง3 เอง คาดว่าน่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอน
อย่างไรก็ตาม จากการที่ช่อง 3 มีแผนที่จะเน้นให้มีรูปแบบรายการเกี่ยวกับเยาวชนมากยิ่งขึ้นนั้น ล่าสุด ทางบริษัทฯได้ร่วมกับทาง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และแอลจี เปิดตัวรายการ แอลจี สตารซ์ ทาเลนต์ “LG Starz Talent” เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถด้านการร้อง เต้น และการแสดง แจ้งเกิดในวงการบันเทิง ซึ่งจะออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นเวลา 6 อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 8 มิ.ย.-13 ก.ค.นี้ โดยช่อง 3 จะดูแลทางด้านของสื่อที่จะเผยแพร่ ซึ่งกลุ่มเยาวชนที่จะเข้าประกวด อายุตั้งแต่ 14-24 ปี จะได้มีโอกาสเข้ามาเป็นดาราในสังกัดของทางช่อง 3 แล้ว พร้อมกับโอกาสร่วมเป็นศิลปินหน้าใหม่ของทาง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ด้วย
|
|
|
|
|