Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 เมษายน 2551
ปูนใหญ่รับเสียส่วนแบ่งตลาด หลังใช้เยื่อกระดาษผลิตหลังคา             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

เครือซิเมนต์ไทย
กานต์ ตระกูลฮุน
Pulp and Paper




“บิ๊กปูนใหญ่” รับเสียส่วนแบ่งตลาด หลังใช้เยื้อกระดาษผลิตหลังคาแทนใยหินส่งผลขายราคาสูงขึ้น เชื่อแนวโน้มดีขึ้น ผู้บริโภคยอมรับ พร้อมทุ่มงบ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับระบบการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรับกระแสโลกร้อน

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่า จากแผนการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของเครือซิเมนต์ไทย กระแสโลกร้อน ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เครือซิเมนต์ไทยจึงมีแนวคิดในการปรับ ภายใต้การดำเนิน การตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โดยแบ่งเป็นด้านเศรษฐกิจที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้า บริการ กระบวนการทำงาน และรูปแบบธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ สามารถ ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเน้นการนำพลังงานทางเลือกมาทดแทนพลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยมีแผนการลงทุนโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานในระยะเวลา 5 ปี (2550-2555) ใช้งบประมาณรวม 20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ วงเงินส่วนใหญ่ได้ใช้ในปรับปรุงสายการผลิต โดยเฉพาะโรงปูนซิเมนต์ โรงกระดาษ รวมถึงวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เช่น หลังคา ไม้ฝา เป็นต้น ปัจจุบันมีการใช้งบไปแล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท ปรับปรุงสายการผลิตกระเบื้องหลังคา ที่เดิมจะใช้ใยหินเป็นส่วนผสม มาใช้เยื้อกระดาษที่ไม่เป็นพิษต่อคนและสิ่งแวดล้อม แต่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ต้องปรับราคาขายตาม

“การเปลี่ยนมาใช้เยื้อกระดาษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็จริงแต่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก ราคาขายก็ต้องสูงขึ้น ส่งผลให้เราเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งที่ยังคงใช้ใยหินในการผลิต ทำให้ราคาถูกกว่า แต่ปัจจุบันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เพราะประชาชนเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น”

สำหรับสถานการณ์วัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมานแรกปีนี้ ในส่วนตนมองว่าดีขึ้น ตามมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลนั้นได้ผล และสถานการณ์คงจะดียิ่งขึ้นไปอีก แต่จะมากขึ้นแค่ไหนคงไม่สามารถระบุได้ เพราะจะผิดระเบียบตลาดหลักทรัพย์

สำหรับการนำพลังงานทางเลือกมาทดแทนพลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น ได้เริ่มจากเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากไบโอแมส รวมถึงการนำความร้อนที่เกิดจากการผลิตปูนซีเมนต์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า แทนที่จะปล่อยไปในอากาศทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้วางเครื่องจักรไว้ในโรงงานผลิตปูนทุกแห่ง

“จากการปรับกระบวนการผลิตใหม่นั้นส่งผลให้บริษัทลดการใช้ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ประมาณ 18-20% ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี แต่หากถามถึงความคุ้มทุนนั้นก็คงจะต้องใช้เวลานานกว่าการลงทุนทั่วๆไปมากกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน”

อย่างไรก็ตาม SCG สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 3 แสนตันต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 90 เมกะวัตต์ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 600 ล้าน หน่วย/ปี คิดเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร ลดการใช้พลังงานความ ร้อนและพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกกว่า 2 แสนตันต่อปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us