|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ออมสินควงเอ็มเอฟซีตั้งกองทุนโมเดลวายุภักษ์ มูลค่า 7.5 พันล้าน เน้นลงหุ้นในพอร์ตเดิมของธนาคารหวังเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และเป็นทางเลือกกระตุ้นการออมให้ประชาชน มั่นใจผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลพอร์ตทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าบริหารเอง “พิชิต”การันตีผลตอบแทน 3% ต่อปีพร้อมเงินปันผล และคุ้มครองเงินต้น เตรียมเทรดในตลาดหุ้นกลางเดือนหน้า ระบุหลังเปิดขายตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน มียอดจองและความต้องการของนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นายวิศิษฐ์ วงศ์รวมลาภ กรรมการธนาคารออมสิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้มุ่งส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ด้าน ตามกรอบแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานปี 2551-2555 นั้น ทางธนาคารได้เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมออมสิน อายุโครงการ 5 ปี เพื่อเป็นทางเลือกอีกช่องทางหนึ่งแก่ประชาชนในการออมเงินที่นอกเหนือจากเงินฝาก
ทั้งนี้ กองทุนที่ตั้งขึ้นจะมีรูปแบบคล้ายกับกองทุนวายุภักษ์ 1 เนื่องจากพบว่าการดำเนินงานของกองทุนวายุภักษ์ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนไปแล้วกว่า 100% โดยที่นักลงทุนทั่วไปยังได้รับการค้ำประกันผลตอบแทนจากภาครัฐในอัตรา 3% อีกด้วย ซึ่งกองทุนรวมออมสินจะมีการการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำเฉลี่ยในอัตรา 3% ต่อปีเช่นกัน
สำหรับนโยบายการลงทุนในเบื้องต้นจะเป็นการโอนหุ้นจากพอร์ตของธนาคารออมสินประมาณ 6 พันล้านบาท เพื่อให้บลจ.เอ็มเอฟซี เป็นผู้บริหาร ส่วนที่เหลือจะเป็นการเปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับนักลงทุนทั่วไป
"การตั้งกองทุนนี้ขึ้นมานอกจากจะเพิ่มทางเลือกในการออมให้นักลงทุนแล้ว เริ่มต้นจะมีการโอนหุ้นบางส่วนในพอร์ตการลงทุนของธนาคารประมาณ 6 พันล้านบาทจากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท มาเป็นสินทรัพย์ของกองทุน เนื่องจากเห็นว่าการบริหารพอร์ตการลงทุนน่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยดูแล จะทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ นอกจากนี้บุคคลากรในส่วนที่เคยดูแลเรื่องนี้เราจะสามารถนำไปบริหารงานในส่วนอื่นแทนได้อีกด้วย"นายวิศิษฐ์กล่าว
ส่วนหลักเกณฑ์การเลือกหุ้นจากพอร์ตของธนาคารให้บลจ.เอ็มเอฟซีบริหารในกองทุนนี้ เบื้องต้นจะต้องดูในเรื่องเงื่อนไขก่อนว่าติดกฎเกณฑ์ในอะไรบ้าง แต่จะต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องในตลาด และพอจะบริหารได้ ซึ่งอาจะเป็นหุ้นที่มีความแอคทีฟมาก เพราะเชื่อว่ามีผู้เชี่ยวชาญดูแลน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยหุ้นที่ธนาคารมีอยู่ในปัจจุบันเองยังสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลไปแล้วไม่น้อยกว่า 4%
นายพิชิต อัครทิพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนรวม M-GSB มีมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท อายุโครงการ 5 ปี โดยแบ่งหน่วยลงทุนเป็น 2 ประเภท คือ หน่วยลงทุนจำนวน 1,875 ล้านบาทสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปรวมถึงนิติบุคคล หรือประมาณร้อยละ 25 ของหน่วยลงทุนทั้งหมด ซึ่งเปิดขายตั้งแต่วันที่ 4-9เมษายน 2551 และมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนแล้วเกินครึ่งของมูลค่าโครงการ
ส่วนหน่วยลงทุนอีก 5,625 ล้านบาทสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.ได้แก่ธนาคารออมสินหรือประมาณมากกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด จะทำการเปิดขายให้ธนาคารออมสินในวันที่ 10 เมษายนนี้
อย่างไรก็ตามหากการเปิดขายหน่วยลงทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถระดมเงินลงทุนได้เต็มมูลค่าโครงการทางธนาคารออมสินจะซื้อไว้บางส่วนแต่คงจะไม่หมด ซึ่งคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้เนื่องจากนักลงทุนแสดงความสนใจตัวกองทุนนี้เข้ามาเป็นจำนวนมาก และน่าจะเต็มมูลค่าโครงการ
สำหรับกองทุนรวมออมสินจะมีการความคุ้มครองเงินต้น และผลตอบแทนขั้นต่ำเฉลี่ยต่อปี โดยเป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งในช่วงแรกจะลงทุนในหุ้นที่ธนาคารออมสินถือเป็นหลัก แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ตามสถานการณ์ของตลาด โดยธนาคารออมสินจะรับซื้อคืนทรัพย์สินในราคาต้นทุนตามที่ประเมิณไว้ตอนจัดตั้งกองทุน
“กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหุ้น หลักๆช่วงแรกจะเป็นหุ้นที่ธนาคารออมสินถืออยู่ แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้าง โดยหุ้นที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นรัฐวิสาหกิจ และก็มีอย่าง BBL หรือ SCB น่าจะอยู่ในพอร์ตเช่นกัน และเราจะลงในสตรัคเจอร์โน๊ต หรือตราสารหนี้อื่นบ้าง รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศด้วยแต่จะไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าสินทรัพย์กองทุน”นายพิชิตกล่าว
นายพิชิต กล่าวอีกว่า การจ่ายผลตอบแทนของกองทุนนี้จะมีลักษณะเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 โดยแบ่งเป็นนักลงทุนเป็น 2 ประเภท ก . และ ข. ซึ่งนักลงทุนรายย่อยประเภท ก. ที่ถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการจะได้รับผลตอบแทนในสัดส่วนจากผลกำไรตั้งแต่ 0-0.75% ในอัตราส่วน 100% ผลกำไรตั้งแต่ 0.75%-3.75% ในสัดส่วน 25% ต่อ75% ผลกำไรตั้งแต่ 3.75%-5.89% ในสัดส่วน 35%ต่อ65% และผลกำไรตั้งแต่ 5.89% ขึ้นไปในสัดส่วน 5%ต่อ95%
“ผลตอบแทนแบ่งตามประเภทนักลงทุน ก. และข. เหมือนวายุภักษ์ และจ่ายขั้นต่ำที่ 3 เปอร์เซ็นต์ จากผลการดำเนินงาน หรือกำไรตั้งแต่ 0-0.75% ซึ่งน่าจะได้ 3 %ตามที่บอกไว้ และเราจะให้รายย่อยก่อนในส่วนนี้ แต่ก็อาจมีอัพไซด์มากกว่านี้ ซึ่งอาจจได้ถึง 9% ก็ได้”นายพิชิตกล่าว
นอกจากนี้กองทุนยังมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก จะได้รับเงินปันผลร้อยละ 3 ของเงินลงทุนก่อน นอกจากนี้หากเปรียบเทียบกับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะเห็นว่ากองทุนรวม M-GSB มีลักษณะกองทุนใกล้เคียงกัน แต่กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ซึ่งมีอายุโครงการ 10 ปี และเหลืออายุโครงการมากกว่า 6 ปี ขณะที่กองทุนรวม M-GSB มีอายุโครงการ 5 ปี ดังนั้น กองทุนรวม M-GSB จึงมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีระยะเวลาการลงทุนที่น้อยกว่า คุ้มครองเงินต้น
นายพิชิต กล่าวอีกว่า โครงสร้างการคุ้มครองเงินต้นของกองทุนนี้เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา หากมีการเปลี่ยนแปลงลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ เนื่องจากจะมีการรับซื้อคืนหุ้นที่รับมาจากธนาคารออมสินในราคาทุน ซึ่งเป็นกลไกที่ไม่ว่าสินทรัพย์จะมีราคาลดลงหรือไม่จะมีราคาทุนในการขายคืนเป็นการค้ำประกันอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของผลตอบแทนน่าจะไม่ไดรับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่รับมอบมาน่าจะครอบคลุมในส่วนนี้ได้
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เตรียมที่จะนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวม M-GSB เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ ซึ่งคาดว่าจะทำได้ในช่วงกลางเดือนหน้า หลังมีการจดทะเบียนเป็นกองทุนแล้วประมาณ 30 วัน ทั้งนี้ เมื่อครบอายุโครงการ 5 ปี บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดในวันสิ้นสุดอายุโครงการ เพื่อใช้ในการสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มันนี่ แมเนจเม้นท์ (MMM) โดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะสามารถขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนอื่นได้ต่อไป
|
|
|
|
|