นายอังเดร์ วัน แดร์ เอเดน กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยถึง รายละเอียดการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 51 บริษัทยูมิคอร์และบริษัทนิสสตาร์ ได้ขายหุ้นของ PDI ให้แก่นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) รวม 46.9%

โดยผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ถือหุ้นเกิน 5% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว ได้แก่ บริษัท Bali Ventures Limited จำนวน 49,087,200 หุ้น คิดเป็น 21.72% ในราคาหุ้นละ 31.50 บาท บริษัท Rak Minerals&Metals Investments FZ-LLC จำนวนหุ้น 16,362,400 หุ้น คิดเป็น 7.24% ในราคาหุ้นละ 31.50 บาท และบริษัท Far East Minerals Limited จำนวนหุ้น 11,800,000 หุ้น คิดเป็น 5.221% ในราคา หุ้นละ 31.00 บาท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Rak Minerals&Metals Investments FZ-LLC

ส่วนที่เหลืออีก 12.719% ขายให้แก่รายย่อย ซึ่งแต่ละรายถือไม่เกิน 5% และเนื่องจากผู้ถือหุ้นใหม่แต่ละรายถือหุ้นของบริษัทต่ำกว่า 25% จึงไม่ต้องมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท โดยโครงสร้างการถือหุ้นภายหลังการขายหุ้น ประกอบด้วย นักลงทุนต่างชาติ 49% และนักลงทุนในประเทศ 51%

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจภายหลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่นั้น นายอังเดร์ กล่าวว่า ผาแดงมีนโยบายขยายการดำเนินธุรกิจในอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทดำเนินธุรกิจแร่ ไททาเนียม เซเรมิก ทราย ในภูมิภาคอาเซียนอยู่แล้ว รวมถึงการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยแหล่งแรกๆ คงเป็นที่ประเทศลาวและพม่า ก่อนจะขยายไปที่ประเทศเวียดนามในอนาคตจะขยายไปที่เวียดนาม

ปัจจุบันบริษัทได้รับสัมปทานในประเทศลาวพื้นที่ 800 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาสำรวจ 2-3 ปี ขณะเดียวกันบริษัทยังหาช่องทางในการทำเหมืองแร่ทั้งในและต่างประเทศ โดยรูปแบบเป็นไปได้ทั้งการลงทุนด้วยตนเอง และการหาพันธมิตรร่วมลงทุน พร้อมใช้กำลังการผลิตสังกะสีให้เต็มกำลังการผลิตที่ 1.1 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันใช้อยู่ที่ 90%

"ยูมิคอร์มีความต้องการขายหุ้น PDI ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว โดยต้องการขายให้กับนิสสตาร์ทั้งหมด แต่ติดเงื่อนไขที่กำหนดว่า เมื่อถือหุ้นเกินสัดส่วน 25% ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ รวมถึงต่างชาติที่ไม่สามารถถือเกิน 49% ทำให้ทางยูมิคอร์ไม่มีสามารถเข้ามากำหนดนโยบายได้ จึงเลือกที่จะขายหุ้นออกมาแทน สำหรับความกังวลที่มีเมื่อมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น บริษัทยืนยันว่าบริษัทสามารถยืนด้วยตัวเองได้และที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นใหญ่รายเก่าก็ไม่ได้ช่วยเหลือเรามาก และส่วนตัวผมก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใด เพียงแต่ได้รับมอบหมายให้เข้ามารับตำแหน่งในช่วงเปลี่ยนถ่ายผู้ถือหุ้นรายใหม่" นายอังเดร์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มราคาสังกะสีอยู่ในช่วง 1-2 ปีนี้ คาดว่าจะอยู่ในช่วงขาลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2,300 เหรียญต่อตัน โดยคาดว่าทั้งปีราคาจะอยู่ที่ 2,000-2,500 เหรียญต่อตัน ต่ำกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่เฉลี่ย 3,242 เหรียญต่อตันนั้น ซึ่งอาจมีผลกระทบกับผลดำเนินงานบริษัท ซึ่งบริษัทอาจแก้ด้วยการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยในปีก่อนบริษัทขายล่วงหน้า 1.9 หมื่นตัน ประมาณ 20% ของปริมาณขายทั้งหมด ขณะที่ปีนี้บริษัทยังไม่ได้ทำการขายล่วงหน้า เนื่องจากต้องรอความชัดเจนกรณีสัมปทานบัตรเหมืองแม่สอดก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างรอเซ็นอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน โดยหากผ่านไปประมาณ 1 เดือน ไม่มีความคืบหน้าบริษัทจะขอเข้าพบกับรัฐมนตรีฯ

"ขณะนี้สต็อกสังกะสีที่บริษัทสำรองไว้ตั้งแต่สัปทานบัตรหมดลงในเดือนตุลาคมปีที่แล้วจะหมดภายในเดือนนี้ ดังนั้นหากภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ หากการต่อสัปทานบัตรยังล่าช้าออกไป อาจกระทบกับต้นทุนของบริษัท เนื่องจากต้องนำเข้าแร่สังกะสีจากต่างประเทศแทนซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า โดยในปี 50 บริษัทนำเข้าแร่สังกะสีจากต่างประเทศ 70% ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการทยอยนำเข้าแร่สังกะสีมาสำรองไว้กรณีการต่อสัปทานบัตรมีความล่าช้าแล้ว"

สำหรับราคาหุ้น PDI วานนี้ปิดตลาดที่ราคา 34 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือลดลง 2.16 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 8.54 ล้านบาท โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 34.75 บาท ปรับสูงสุดระหว่างวันที่ 34.75 บาท ต่ำสุดที่ 34 บาท