Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มิถุนายน 2546
กสิกรสู้ศึกแบงก์รัฐ คาด3แบงก์ใหญ่ลดดอกเบี้ยกู้ตาม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย
โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย
บัณฑูร ล่ำซำ
ปรีดิยาธร เทวกุล, ม.ร.ว.
Banking and Finance




แบงก์กสิกรไทย ชักธงรบ เล่นบทผู้นำแบงก์เอกชนประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ สู้ศึกแบงก์รัฐที่จุดชนวนโดย "กรุงไทย" ที่ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือ 5.75% "บัณฑูร ล่ำซำ" ชี้เมื่อกติกาเปลี่ยน เพราะกลไกรัฐเป็นผู้กำหนดราคา ก็พร้อมปรับตัวแข่ง และจากนี้ไปธุรกิจธนาคารในประเทศไทยจะถูกประเมินใหม่

นายบัณฑูร ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการรายวัน" เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า ธนาคารได้รับลดอัตราดอกเบี้ยเฉพาะเงินกู้ลงอีก 0.50% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ลดลงเหลือ 5.75%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 6.00% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดเหลือ 6.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่เรียกเก็บจากลูกค้าทั่วไปอยู่ที่ MRR + 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ผิด นัดชำระหนี้จะอยู่ที่ 13.50% ทั้งนี้มี ผลตั้งแต่วันนี้ (24 มิ.ย. 2546) เป็น ต้นไป

ธนาคารกสิกรไทย ได้แสดงปฏิกิริยาตอบรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารภาคเอกชน ที่ตอบโต้การตลาดเชิงรุกของธนาคารกรุงไทย ที่ประกาศลดอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ลงทุนประเภทร้อยละ 0.75 ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธนาคารรัฐแห่งนี้เหลือเพียงร้อยละ 5.75 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนา-ยนที่ผ่านมา

การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ นับว่าต่ำสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ เพราะช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ แม้จะปรับลดดอกเบี้ยจนเอ็มแอลอาร์ ลดเหลือ 6.25% เอ็มโออาร์ เหลือ 6.50% และเอ็มอาร์ อาร์เหลือ 6.75%แต่ธนาคารกรุงไทย ก็ได้สร้างประวัติการณ์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเทศเหลือเพียง 5.75%

นายบัณฑูร กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามด้วย และเชื่อว่าวันต่อๆ ไป ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่รายอื่นก็ต้องปรับตามด้วย ไม่เช่นนั้นลูกค้าต้องหันไปหาแหล่งเงินที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า

นายบัณฑูร ชี้ให้เห็นว่า โดยหลักการแล้ว ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินได้รับก็เป็นการเตรียมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

"แต่ขณะนี้มีคนตัดสินใจแทน โดยกำหนด ตัวเลขที่ไม่คำนึงถึงความเสี่ยง ผลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์"

นายบัณฑูร กล่าวว่า ความเสี่ยงกับราคา โดยหลักแล้วต้องไปด้วยกัน โดยทางทฤษฎีจะเชื่อว่า กลไกตลาดจะปรับให้ราคาสอดคล้องกันระหว่างความเสี่ยงกับราคา แต่ขณะนี้ดูเหมือนรัฐไม่คำนึงถึงความเสี่ยงจึงกำหนดราคาเช่นนี้

"ในระยะสั้น คนน่าจะพอใจที่ได้กู้เงินราคาถูก แต่จะบอกว่าถูกหรือผิดคงต้องรอดูผลในอนาคต" นายบัณฑูร กล่าว

เขากล่าวว่า ธุรกิจธนาคารพาณิชน์ปัจจุบันจะถูกลดมูลค่าจากตลาด เพราะถูกลดความสามารถในการทำกำไร แต่เพราะภาวะตลาดหุ้นยังดี ซึ่งเป็นผลจากมาตรการของรัฐบาลที่มีทั้งการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจระดับพื้นฐาน และการขายของถูก อีกทั้งตัวเลขด้านต่างๆ ล้วนมีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ว่าดัชนีทางเศรษฐกิจ ภาษีที่เก็บได้มากขึ้น

"ถึงแม้จะมีข้อถกเถึยงถึงปรัชญาการบริหารเศรษฐกิจ แต่พวกนักลงทุนอยู่ในสภาพปากด่าว่านโยบายของรํฐไม่ได้นำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่กระแสตลาดขาขึ้นยั่วใจให้ต้องเอาเงินเข้ามาลงทุนซื้อหุ้น เพราะเงินที่เหลืออยู่ต้องมีที่ไป เพื่อหาแหล่งทำกำไร"

ธปท.เล็งปรับนโยบายเงินเฟ้อใหม่

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียม ที่จะพิจารณาทบทวนนโยบายการใช้อัตราเงิน เฟ้อในการดูแลเศรษฐกิจใหม่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา ทั้งนี้สืบเนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ยังคงขยายตัวสูง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย ที่อยู่ในในระดับต่ำ ไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมากนัก

ทั้งนี้ตามทฤษฎีแล้ว ในภาวะที่อัตราเงิน เฟ้อและอัตราดอกเบี้ยต่ำจะฉุดให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำไปด้วย โดยภาวะโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน ทำให้กำแพงภาษีสินค้าขาเข้าระหว่างประเทศหมดไป ราคาสินคาปรับตัวขึ้นยาก ประกอบกับประเทศจีนซึ่งมีกำลังการผลิตที่ใหญ่มากผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาด ทำให้ราคาสินค้าต่ำและเกิดภาวะอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก ซึ่งตามปกติแล้วเป็นเรื่องอันตรายเนื่อง จากส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ราคาสินค้าต่ำ ธุรกิจไม่ขยายตัว เพราะไม่มีกำไร แต่ขณะนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ทฤษฎีเดิม ที่เงินเฟ้อต่ำและดอกเบี้ยต่ำทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวอาจจะใช้ไม่ได้ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จะเห็นได้ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก แต่เศรษฐกิจหลายประเทศยังคง ขยายตัวสูงอยู่ บางประเทศเงินเฟ้อติดลบ หรือของเราต่ำ แต่ยังมี Growth อยู่

จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น มันอาจจะมีปัจจัยอะไรแฝงอยู่นอกจากดอกเบี้ยถึงทำให้เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันในวงธนาคารกลางชาติต่างๆ และทางฝ่ายวิชาการของเรากำลังศึกษาอยู่ แต่ผมเห็นว่าไม่ควรจะยึดติดกับทฤษฎีเดิมๆ อะไรปรับเปลี่ยนได้และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศก็เปลี่ยน เพียงแต่ต้องระวัง ไม่ผลีผลาม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us