"อีซูซุ"ย้ายฐานผลิตครั้งใหญ่ หลังชูไทยศูนย์ ผลิตปิกอัพขนาดเล็กมาแล้ว
ล่าสุดปิดไลน์ผลิตเอสยูวีในญี่ปุ่น และสหรัฐฯเตรียมโยกฐานมาไทยเร็วๆนี้ เพื่อผลิตรถเอสยูวีรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานของปิกอัพดีแมคซ์ทำตลาดใน
ประเทศและส่งออกทั่วโลก เฟสแรกเริ่มปีหน้าผลิต 1-2 หมื่นคันป้อนเฉพาะตลาดอาเซียน
พร้อมจัดตั้งศูนย์ R&D แห่งใหม่ในไทยปลายปีนี้เช่นกัน ขณะที่รถบรรทุกขนาดใหญ่
แยกไปตั้งฐานการผลิตในจีนอีกแห่ง
นายฮิโร มาจิมา กรรมการบริหาร อีซูซุ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ขณะนี้อีซูซุกำลังมีการเปลี่ยนแปลงการผลิตครั้งใหญ่ทั่วโลก
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งรถยนต์ปิกอัพ ขนาด 1 ตัน รถบรรทุกขนาดใหญ่
และรถประเภทเอสยูวี รวมถึงจัดตั้งศูนย์พัฒนาและวิจัย หรืออาร์แอนด์ดี ของอีซูซุแห่งใหม่ด้วย
"ในเร็วๆ นี้ อีซูซุจะมีการย้าย ฐานการผลิตรถยนต์ครั้งใหญ่ จากประเทศญี่ปุ่น
และสหรัฐอเมริกา มายังประเทศไทย และจีน เพื่อทำ การผลิตรถปิกอัพขนาดเล็ก หรือ 1
ตัน รถเอสยูวี รถบรรทุก และก่อตั้งศูนย์อาร์แอนด์ดีแห่งใหม่ในภูมิภาคนี้" นายมาจิมากล่าว
โดยในส่วนของประเทศไทย หลังจากอีซูซุ ได้ย้ายฐานการผลิตรถปิกอัพขนาดเล็กทั้งหมด
มาที่ไทยเมื่อไม่กี่เดือน ที่ผ่านมา และในเร็วๆ นี้ จะมีการย้ายฐานการผลิตรถเอสยูวี
ทั้งจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกามารวมไว้ที่ไทยแห่งเดียวเช่นกัน ซึ่งต่อไปจะทำให้ไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถปิกอัพขนาดเล็ก
และรถอเนกประสงค์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นรถเอสยูวี, รถมินิแวน และรถสเตชั่นแวกอน หรือเรียกรวม
กันว่า รถประเภทอาร์วี (Re-Creational Vehicle : RV) แห่งเดียวของอีซูซุ เพื่อทำตลาดทั่วโลก
และขณะนี้ไลน์การผลิตรถเอสยูวีที่ญี่ปุ่นได้ ปิดลงไปแล้ว เพื่อทำการย้ายฐานการผลิตมายังไทยต่อไป
นายมาจิมากล่าวว่า นอกจากนี้อีซูซุยังจะก่อตั้งศูนย์พัฒนาและวิจัย (R&D)
แห่งใหม่ในไทยด้วย เพื่อรองรับในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถที่กล่าวมาทั้งหมด ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วน่า
จะปลายปีนี้ ส่วนงบประมาณในการลงทุนยังไม่สามารถเปิดในรายละเอียดได้ โดยศูนย์อาร์แอนด์
ดีแห่งใหม่นี้ อีซูซุจะใช้เป็นศูนย์ออกแบบพัฒนารถยนต์ปิกอัพขนาดเล็ก และรถอาร์วีรุ่นใหม่ๆ
สู่ตลาดโลกในอนาคต
"ผลจากการย้ายฐานการผลิตทั้งปิกอัพ และรถประเภทอาร์วีมายังไทย จะทำให้ประเทศ
ไทยกลายเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของอีซูซุ โดยคาดว่าในอีก 2 ปี อีซูซุจะผลิตปิกอัพได้ประมาณ
200,000 คัน โดยแบ่งเป็นทำตลาดในประเทศประมาณ 100,000 คัน และส่งออกอีก 100,000
คัน ซึ่งปีที่ผ่านมาอีซูซุเริ่มส่งออกไปได้ ประมาณกว่า 20,000 คัน"นายมาจิมากล่าว
สำหรับรถเอสยูวีที่จะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในเร็วๆ นี้ คาดว่าอย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า
โดย ขณะนี้กำลังพิจาณารายละเอียดต่างๆ อยู่ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณในการลงทุน หรือในส่วนของ
กำลังการผลิต ที่จะส่งป้อนตลาด ทั้งภายในประเทศและส่งออกทั่วโลก
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า อีซูซุจะย้ายฐานการผลิตเอสยูวีทั้งหมดมายังไทย
เพื่อผลิตรถเอสยูวีที่ใช้พื้นฐานของรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ เพื่อทำตลาดแทนรุ่นเวก้าในไทย
และอีซูซุ โรดีโอ ในสหรัฐอเมริกา โดยจะเริ่มทำการผลิตในปี 2004 ซึ่งเบื้องต้นจะผลิตประมาณ
10,000-20,000 บาทต่อปี โดยเฟสแรกจะผลิตป้อนเฉพาะตลาดในภูมิภาคอาเซียนนี่ก่อน และจากนั้นในปี
2005 จึงจะเริ่มส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา
นายมาจิมากล่าวว่า ส่วนของรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั้งหมด อีซูซุจะย้ายฐานการผลิตทั้งไป
ยังประเทศจีนในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจีนถือเป็นตลาดใหญ่เหมาะกับการลงทุน โดยปัจจุบันรถบรรทุกอีซูซุที่นำเข้าจากญี่ปุ่น
อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 คัน เพราะฉะนั้นการย้ายฐานผลิต ไปยังประเทศจีนจะเหมาะสมกว่า
ที่สำคัญจะทำ ให้ต้นทุนในการผลิตลดลงมาก ซึ่งคุ้มค่าในการลงทุน
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อไปจะเหลือเพียงโรง งานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น
เพราะยังมีความ จำเป็นหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของฝีมือแรงงาน ที่ต้องมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูง
ดังนั้นเครื่องยนต์จึงยังจำเป็นต้องผลิตที่ญี่ปุ่นต่อไป
อนึ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในการย้ายฐานการผลิต และลงทุนในไทยของค่ายรถยนต์ต่างๆ
อีซูซุเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ประกาศใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจร คือ เป็นทั้งฐานผลิตปิกอัพแห่งเดียวในโลก
และมีศูนย์พัฒนาและวิจัยอยู่ในไทยด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
โตโยต้าเพิ่งลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ในการเลือกไทยจัดตั้งศูนย์การพัฒนาและวิจัยแห่งใหม่
ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ที่ก่อตั้งนอกเกาะญี่ปุ่นของโตโยต้า หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วโตโยต้าได้ประกาศลงทุนหลายหมื่นล้านบาท
ในการไทยเป็นฐานการผลิตรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์ ภายใต้โครงการไอเอ็มวี (Innovative
and International Multi-Purpose Vehicle :IMV)