|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
- เมื่อโรงแรมราคาถูกดาหน้าปูพรมรุกตลาด
- น้องใหม่“อิมม์”จุดชนวนระเบิดสงครามราคา
- เชนไทย-เทศ ต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง
- รับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
สถานการณ์การแข่งขันในตลาดโรงแรมระดับ 2-3 ดาวร้อนแรงปรอทแทบแตก เมื่อกลุ่มเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒภักดี ลงตลาดเคาะราคาช่วงแรก 899 บาทต่อคืน ถูกกว่าทุกค่ายในตลาดไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในกลุ่มเดียวกันอย่าง อิบิส ที่ปรับใช้ราคาตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ส่งผลให้งานนี้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมอยู่ไม่เป็นสุขต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างด้านราคา
การส่งแบรนด์ “อิมม์” ของเจ้าสัว เจริญ ลงประกวดด้วยราคาเพียง 899 บาทต่อคืนถือเป็นการเปิดตลาดโรงแรมขนาด 2-3ดาวให้กลับมาคึกคักกว่าที่เป็นอยู่เพราะที่ผ่านมา โรงแรมในระดับเดียวกันซึ่งมีเชนต่างประเทศเข้ามาบริหารจัดการและมีราคาค่าห้องต่อคืนไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทขึ้นไป อาทิ โรงแรมในกลุ่มของแอคคอร์ที่พยายามวางยุทธศาสตร์ของตัวเองด้วยการขยายเชนบริหารแบรนด์ห้องพักราคาประหยัดในเมืองไทย โดยเน้นการสร้างทางเลือกอย่างหลากหลายและมีการนำ 2 แบรนด์หลักเข้ามาให้บริการควบคู่กันไป คือแบรนด์ “อีบิส” ซึ่งเป็นห้องพักมาตรฐาน 2 ดาว และได้รับความนิยมสูงในออสเตรเลีย และ เอเชีย-แปซิฟิก กับแบรนด์ “ออลซีซันส์”นำร่องบริหารแห่งแรกที่พัทยา
ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายค่ายเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าวที่เป็นอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นแรงส่งหนุนให้ธุรกิจโรงแรมในเซกเมนต์นี้เติบโต และไม่หายตายจากไปในตลาดธุรกิจโรงแรม
อันที่จริงเซกเมนต์โรงแรมระดับ 2-3 ดาวในปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายค่ายเข้ามาเปิดตัวนานแล้วจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทย หากจำกันได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีโรงแรมขนาด 2-3 ดาวจำนวนมากเคยรุกตลาดนี้มาก่อน อาทิ ปริ้นเซส และ ดีทู ในเครือของดุสิตธานี หรือแม้แต่เชนของแอคคอร์ที่ใช้แบรนด์ อีบิส รุกตลาด ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นเรื่องของราคาถูกในช่วงเปิดตัว ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์น้องใหม่อย่าง “อิมม์”ที่ขอเข้ามาร่วมวงไพบูลย์กับเขาด้วย
การที่ธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวเริ่มมีบทบาทและสร้างสีสันให้กับธุรกิจบริการในช่วงเวลานี้นั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไปและตลาดของธุรกิจโรงแรมในระดับ 2-3 ดาวยังมีช่องว่างอยู่ โดยเฉพาะโรงแรมที่มีราคาห้องพักต่ำกว่า 2.000 บาทต่อคืนลงมาในขณะที่บริการจะมีมาตรฐานแบบสากล
กระทั่งบรรดาผู้ประกอบการหลายค่ายที่มีโรงแรมอยู่ในมือต่างเห็นช่องว่างจึงมีการปรับปรุงห้องพักและนำเทคโนโลยีทันสมัยใส่เข้าไปเพื่อให้ความสะดวกสบายกับลูกค้า ส่งผลให้โรงแรมรถที่มีอยู่ในมือลงตลาดด้วยกลยุทธ์ราคาที่ต่ำเป็นใบเบิกทาง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีหลายโรงแรมที่ปรับปรุงห้องพักและนำกลยุทธ์ด้านราคามาใช้ อาทิ โรงแรมย่านถนนสาธร และ สุรวงค์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายโรงแรมสามารถสร้างยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำช่วงไฮซีซันที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันค่ายใหญ่อย่างดุสิต ธานี ที่ปกติจะมีโรงแรมในเครือในทุกระดับบริหารไม่ว่าจะเป็นระดับบน ระดับกลาง และระดับล่างอยู่ในมือแล้วก็ตาม แต่การลงสนามเต็มตัวเพื่อแข่งขันในธุรกิจโรงแรมของ “เจ้าสัวเจริญ”ครั้งนี้ก็ทำให้ยักษ์ใหญ่เชน ดุสิต สั่นสะเทือนได้เหมือนกัน
ด้วยศักยภาพเงินทุนจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะจ้างเชนต่างประเทศเข้ามาบริหารจัดการโรงแรมในระดับ 5-6 ดาว ขณะที่โรงแรมในระดับ 4 ดาวอย่างเครืออิมพีเรียลที่เทคโอเวอร์มาและกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงให้สอดคล้องเตรียมพร้อมรับกลุ่มลูกค้า หรือแม้กระทั่งแบรนด์ใหม่อย่าง “อิมม์” ก็เป็นแนวคิดที่จะลงทุนพร้อมร่วมทุนบุกเบิกตลาดโรงแรมในระดับ 2-3 ดาวให้กลับมาเฟื่องฟูในวงการอีกครั้ง
โครงการทั้งหมดของ “เจ้าสัวเจริญ” จึงถูกนำมาปูพรมท้าชนกับโรงแรมในทุกเซกเมนต์ และศึกครั้งนี้จึงหนีไม่พ้นสำหรับดาวดวงเด่นอย่างการส่งแบรนด์ “อิมม์” เข้าไปสร้างความคึกคัก และสามารถสร้างปรากฏการณ์ขายในช่วงเปิดตัวเพียงแค่ 899 บาทต่อห้องต่อคืน กอปรกับผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจโรงแรมต่างมองเห็นว่ากระแสของการลงทุนโรงแรมระดับ 5-6 ดาวเพื่อให้มีจำนวนห้องมากๆกำลังจะลดลง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไปและหันไปจองห้องพักราคาถูก ส่งผลให้กระแสความแรงของโรงแรมระดับ 2-3 ดาวกำลังเจิดจรัสกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ถูกกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจให้ความสนใจเป็นพิเศษ
จากเดิมที่ผ่านมาหลายคนเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวน่าจะหายไปจากตลาด แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปตลาดโรงแรมขนาด 2-3 ดาวกลับมีทีท่าดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำตลาดอย่างต่อเนื่องของบรรดาผู้ประกอบการรายใหม่ๆที่เข้ามาสร้างสีสัน
เทรนด์ใหม่แจ้งเกิด
นับจากนี้ไปเทรนด์ความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยจะเปลี่ยนไป ด้วยกำลังซื้อที่มีอยู่ไม่จำกัดบวกกับความต้องการใช้บริการห้องพักราคาประหยัดและได้มาตรฐานสากล ส่งผลให้โรงแรมบริการระดับกลางของไทยต่างเร่งปรับกลยุทธ์บ้างก็หันไปพึ่งเชนต่างประเทศ บ้างก็ใช้ศักยภาพความพร้อมของคนไทยที่มีอยู่ดึงออกมาต่อสู้แข่งขันกันอย่างเข้มข้น
หลังจากที่เล็งเห็นว่าอัตราการเติบโตของอัตราการเข้าพักและการเพิ่มรายได้จะทำได้อย่างรวดเร็วเหมาะกับสมัยนิยม สามารถขยายฐานตลาดแบบก้าวกระโดดได้โดยไม่ยากเย็นนัก
จากราคาห้องพักผสมผสานกับดีไซด์นอกกรอบของโรงแรมระดับ 2-3 ดาวในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ตลาดโรงแรมระดับนี้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง เมื่อค่ายของดุสิต ธานี มี “ดีทู”และล่าสุดกลุ่มของ “เจริญ”มี “อิมม์” เข้ามาฟาดฟันกันในตลาดโรงแรมระดับนี้ หวังว่าจะใช้กลยุทธ์เรื่องของกลยุทธ์แนวใหม่โดยเฉพาะเรื่องของราคาถูกในมาตรฐานสากลเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้บริการ เพราะก่อนหน้านี้บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมค่ายใหญ่ๆ มองว่าโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนห้องมากๆและราคาสูงๆเริ่มทำตลาดค่อนข้างยาก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหลายกลุ่มจึงหันไปเน้นโรงแรมระดับ 2-3 ดาวกันเพิ่มขึ้น โดยปรับปรุงห้องพักและนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไปไว้ให้บริการกันเป็นจำนวนมาก
แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ นักท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการโรงแรม โดยหันมาใช้โรงแรมที่ให้ประสิทธิภาพความปลอดภัยไปพร้อมกับคุ้มค่ากับความประหยัดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโรงแรมในระดับ 2-3 ดาวจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค
โดยพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเห็นได้จากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมระดับ 2-3 ดาว ในเมืองไทย เนื่องจากสามารถทดแทนการใช้บริการโรงแรมในระดับ 4-5 ดาวได้ส่วนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้จึงคาดกันว่า ธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวทั้งหลาย อาจจะทำให้ตลาดรวมของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากปีที่ผ่านมาจบด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทยทั้งหมดเพียงแค่ 14 ล้านกว่าคน
ในปีที่ผ่านมาค่ายแอคคอร์ ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการด้วยการเปิดตัว “อีบิส” ด้วยสนนราคาห้องพักจะไม่สูงเกินไป โดยเริ่มต้นที่ 25 เหรียญสหรัฐต่อห้องต่อคืนหรือประมาณ 800 บาท ซึ่งระบุเงื่อนไขการเข้าพักชัดเจน จะไม่มีบริการฟุ่มเฟือย ภายในห้องพักถ้าต้องการอุปกรณ์ใช้สอยจะต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม เช่น แปรง ยาสีฟัน สบู่ นับว่าเป็นที่ต้องการและยอมรับของตลาดในภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ขณะที่ความต้องการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตได้ต่อไป
ว่ากันว่าเป็นโรงแรมระดับ 2-3 ดาวที่มีราคาต่ำที่สุดในตลาดในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ ขณะที่การตอบรับกระแสของแบรนด์นอกที่เป็นเชนต่างประเทศในช่วงเริ่มแรกนั้นดูจะทำให้ยอดขายห้องพักโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
การตอบรับของแบรนด์ต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ยืนยันให้เห็นถึงการเปิดกว้างมากขึ้นของผู้บริโภค จากเดิมในช่วงที่ผ่านมาตลาดธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยจะอยู่ที่กลุ่มแอคคอร์ “อีบิส”ขณะที่กลุ่มแบรนด์ไทยก็คงจะเป็นเชนของ ดุสิต อย่าง “ดีทู”ที่สร้างแบรนด์จนติดตลาดไปแล้ว เนื่องจากราคาห้องพักที่โดนใจของกลุ่มนี้เริ่มต้นที่ไม่แพงนักบวกกับการดีไซน์และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะเข้าไปใช้บริการโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยลบหลายประการที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และการเข้ามารุกตลาดโรงแรมระดับ 2-3 ดาวของ “อิมม์” ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าตลาดโรงแรมขนาดนี้ในประเทศไทยยังมีช่องว่างให้เจาะอีกมาก โดยเฉพาะโรงแรมขนาด 2-3 ดาวที่ให้ความประหยัดและได้รับมาตรฐานระดับสากล
จุดนี้เองส่งผลให้กลุ่มของ “เจริญ” ซึ่งแม้จะไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมาก่อน ตัดสินใจนำเชนต่างประเทศเข้ามาบริหารควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ในนามของ “อิมม์”เข้ามาแข่งขันและทำการตลาด
“อิมม์”นำร่องโรงแรมราคาประหยัด
กลุ่มของดุสิต ธานีที่ประกอบธุรกิจโรงแรมในทุกเซกเม้นท์ เริ่มหันมาสนใจตลาดโรงแรมขนาด2-3 ดาวกันมากขึ้น สังเกตได้จากที่ผ่านมาการขยายฐานแบรนด์ของ ปริ๊นเซส และ ดีทู ไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้น
การเข้ามาของ" อิมม์" ภายใต้การกุมบังเหียนของ โสมพัฒน์ ไตรโสรัส แห่ง“ทีซีซีแลนด์ เลเชอร์” แม้จะเป็นน้องใหม่ของวงการธุรกิจโรงแรม แต่ก็เคยดูแลบริหารจัดการด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน การปรับตัวเพื่อเข้ามาดูแลบริหารจัดการในธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นนัก แม้กลุ่มผู้บริหารจะออกมาชี้แจงว่า ประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ในอดีตนั้นจะไม่ตรงกับธุรกิจที่กำลังจะดำเนินการแต่ก็จะเป็นตัวช่วยให้พัฒนาระบบการจัดการในธุรกิจบริการอย่างโรงแรมเป็นเรื่องที่ท้าทายแม้ว่าจะต้องการทำตลาดเองก็ตาม ขณะเดียวกันในปัจจุบันยังคงดูแลกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เหมือนเดิม ไม่ได้ทอดทิ้ง
อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดตัวธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวภายใต้แบรนด์ “อิมม์” อย่างเป็นทางการครั้งนี้ ผู้บริหารค่ายดังกล่าวเชื่อว่า ผลการตอบรับน่าจะเป็นไปตามเป้าด้วยรูปแบบการบริหารและดีไซน์ห้องที่มีความแตกต่างกันโดยทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับโลเคชั่นของโรงแรมแต่ละแห่ง
ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคให้การตอบรับแบรนด์"อิมม์"เนื่องมาจาก ราคา ซึ่งทำการเคาะราคาที่ 899บาทต่อห้องต่อคน กอปรกับโปรโมชั่นที่มีการนำเสนอด้วยกิจกรรมสันทนาการโดยลูกค้าทุกคนจะมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความสนุกสนานในช่วงที่พักอยู่ในโรงแรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับโรงแรมน้องใหม่ที่มีอยู่ในตลาด ขณะเดียวกันความได้เปรียบที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบริการ เนื่องมาจาก คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป นอกจากจะได้ห้องพักที่มีความทันสมัยพร้อมด้วยเทคโนโลยีให้บริการ กอปรกับรูปลักษณ์การดีไซน์ภายในห้องที่มีความแตกต่างกัน ที่มีการอ้างถึงแบรนด์ “อิมม์” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจที่จะเข้าไปใช้บริการแบรนด์นี้
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มโรงแรมราคาถูกในประเทศไทย ได้ถูกโฟกัสไปที่กลุ่ม " อิมม์"เนื่องจากเป็นเจ้าเดียวที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้
การตั้งราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ส่งผลให้หลายคนให้ความสนใจในแบรนด์นี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร โดย โสมพัฒน์ ผู้บริหารแบรนด์ “อิมม์” กล่าวว่า ระยะเปิดตัวช่วงแรกโรงแรมกลุ่มอิมม์จะมีราคาถูก และหากเปิดให้บริการในระยะยาวสนนราคาจะไม่เกิน 2,000 บาทต่อห้องต่อคน นับเป็นจุดขายที่ถูกดึงมาใช้เป็นโปรโมชั่นในช่วงเปิดตัว
บอสใหญ่แห่ง ทีซีซีแลนด์ กล่าวถึงแบรนด์ “อิมม์” ที่กำลังถูกสร้างให้เกิดเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ อิมม์ ฟิวชั่น เป็นโรงแรมที่มีสไตล์ตกแต่งบนความหลากหลายผสมผสานไปกับกิจกรรมพิเศษที่มีขึ้นสำหรับลูกค้าที่เข้าพัก
อิมม์ โฮเต็ล การตกแต่งจะเป็นแบบเรียบง่าย ภายในห้องมีเทคโนโลยีเปิดไว้ให้บริการอีกด้วย
อิมม์ อีโค โรงแรมที่เรียบง่ายในรูปแบบที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในห้อง
นอกเหนือจากปัจจัยเรื่อง "ราคา"ที่ถูกกว่าค่ายอื่นๆในตลาดแล้ว การสร้างโปรโมชั่นพร้อมจัดกิจกรรมสันทนาการให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกขณะพักอยู่ในโรงแรม ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดูง่ายดายแต่ได้ผลเหลือเชื่อ โดยแบรนด์ "อิมม์" มีการใช้ยุทธวิธีแบบนี้ตั้งแต่ลูกค้าเข้ามาเชคอินพร้อมกับบริการไปจนถึงห้องพัก ซึ่งหากเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจโรงแรมขนาดเดียวกันในตลาด กลับมีเพียงแข่งขันเรื่องของราคาเป็นส่วนใหญ่แต่ในทางกิจกรรมสันทนาการนั้นโดยเฉพาะไม่เสียค่าใช้จ่ายแทบจะไม่มีออกมาเลย
ข้อเสนอดังกล่าวแม้จะดูธรรมดา แต่สำหรับผู้บริหารของ “อิมม์”ที่มีการนำเข้ามาทำตลาดต่างเชื่อว่า กลยุทธ์เพียงเท่านี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยเอาสโลแกน "ใช้บริการห้องพักราคาแพง"ก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคแต่ละคนมองหาความคุ้มค่า และที่สำคัญปัจจัยเรื่องดีไซน์การตกแต่งที่ให้ความรู้สึกต่อจิตใจและการคมนาคมสะดวกไปพร้อมๆกับราคาถูก
โดยค่ายอิมม์ได้นำเสนอแนวทางการตลาด ด้วยการปลุกกระแสการใช้โรงแรมขนาด 2-3 ดาวกับกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ และกลุ่มประชุมสัมมนาซึ่งเป็น ผู้ใช้บริการโรงแรมส่วนใหญ่มองข้าม โดย แบรนด์ อิมม์จะสื่อสารให้เห็นถึงความโดดเด่นด้านโรงแรมแปลกหลากหลายสไตล์ เพราะอดีตที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเดียวกันนั้นจะเป็นเสมือนรูปแบบที่คล้ายกันทั้งด้านดีไซน์และการบริหารจัดการ
นอกจากนั้นแล้วความมั่นใจเรื่องการบริการค่าย อิมม์ ได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ทั้งบุคลากรและเงินทุนเตรียมขยายโรงแรมในระดับเดียวกันไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ โดยคาดว่าหากเป็นไปตามเป้าหมายของการขยายห้องพักในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแบรนด์ อิมม์ จะมีจำนวนกว่า 5.000 แบ่งออกเป็นกรุงเทพและปริมณฑล และที่เหลือกระจายตามหัวเมืองใหญ่ๆในจังหวัดต่างๆ โดยจะใช้ชื่อแบรนด์ อิมม์ อย่างไรก็ตามในอนาคตเพื่อให้เกิดความชัดเจนและครอบคลุมในการให้บริการอย่างทั่วถึง
นอกจากรูปแบบของการตลาดที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก กลุ่มเป้าหมายของโรงแรมขนาดเดียวกันยังเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยกลุ่มเป้าหมายของ “อิมม์”นั้น มุ่งจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติกว่า 40% หรือกลุ่มประชุมสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มที่ต้องการความแปลกใหม่ มีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะมีกำลังการซื้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของค่าย ดุสิต ธานี นั้น คือกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาแหล่งพักผ่อนที่คุ้มทุนและเป็นกลุ่มที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ที่ไม่ต้องการแบกภาระมากในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้
เมื่อมาถึงตอนนี้อาจจะยังไม่สามารถบอกถึงบทสรุปของตลาดโรงแรมขนาด 2-3 ดาวของไทยว่าจะ เติบโตแบบฟูฟ่องต่อเนื่องตลอดไป หรือ จะกลายเป็นตลาดที่บูมกันเป็นพักๆ เพียงเท่านั้น
แต่ที่แน่ๆ สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมขนาด 2-3 ดาวในตอนนี้ถือว่าดุเดือดไม่น้อย เพราะราคาที่ค่อนข้างแตกต่างกันระหว่างโรงแรมที่มีมาตรฐานดาวสูงกว่า แม้ปัจจุบันจะมีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ต้องต่อสู้กัน ดังนั้นการเร่งขยายตลาดธุรกิจโรงแรมขนาดเดียวกันในตอนนี้ เข้าทำนองที่ว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก ก็จะเป็นกุศโลบายของแบรนด์น้องใหม่อย่าง “อิมม์” เพราะเมื่อไรก็ตามหากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวหันมานิยมพักโรงแรมราคาถูกกันมากขึ้น เชื่อได้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในที่สุด
|
|
|
|
|