Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์7 เมษายน 2551
หุ้นกลุ่มโรงกลั่นน่าจับตา เหตุค่าการกลั่นกลับมาไต่ระดับ             
 


   
search resources

Investment
Oil and gas




ค่าการกลั่นมีแนวโน้มกลับมาโชว์ฟอร์มสูงอีกครั้ง เหตุความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียยังสูงต่อเนื่อง สวนทางกำลังการผลิตลด โบรกแนะให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนี้มากกว่าปกติ

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เกียรตินาคิน แนะนำ เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยให้น้ำหนักการลงทุนใน TOP และ PTTEP จากราคาน้ำมันที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยไตรมาส 1/2551 อยู่ที่ 97 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อนและค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 8.40 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าระยะสั้นทิศทางราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงจากการเทขายทำกำไรของ Hedge Fund รวมทั้งความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของสหรัฐ

ถึงทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้นจะปรับตัวลดลง แต่ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่ 97.07 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 57.96 เหรียญต่อบาร์เรล ในไตรมาแรกของปี 2550 และ 88.91 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 จะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการไตรมาส1/2551 ของ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันทำให้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2551 จะเพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อน จึงแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 195 บาท

ส่วนสถานการณ์โรงกลั่นยังมีทิศทางที่ดี จากค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยค่าการกลั่นสิงคโปร์เฉลี่ยเดือนมีนาคม 2551 อยู่ที่ 8.40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 10.50% จากปีก่อน และ 27.60% จากเดือนก่อน

ด้านทิศทางค่าการกลั่นต่อจากนี้ไปยังแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการติดตามข่าวมีการประกาศของ SK Energy ลดการส่งออก Gas Oil ในเกาหลีใต้ และการประกาศของ PetroChina ในการหยุดการส่งออก Gasoline ในเดือนเมษายน รวมทั้งการสั่งซื้อ Gas Oil เพิ่มขึ้นของ Indian Oil เพื่อส่งมอบในเดือนพฤษภาคม 2551

ขณะที่กำลังการผลิตในภูมิภาคคาดว่าจะปรับตัวลดลง หลังโรงกลั่นน้ำมัน S-Oil ในเกาหลีใต้ ประกาศหยุดเดินเครื่องจักรนอกฤดูกาล เนื่องจากปัญหาด้านกระแสไฟฟ้าที่ขัดข้อง โดยรงกลั่นดังกล่าวมีกำลังการผลิตกว่า 580 KBD คิดเป็น 2.60% ของกำลังการกลั่นรวมในภูมิภาค และ 0.8% ของกำลังการกลั่นทั่วโลก ทำให้มองว่าระยะสั้นทิศทางของค่าการกลั่นในครึ่งปีแรกยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง จึงยังให้น้ำหนักการลงทุนใน PTTEP และ TOP จากปัจจัยบวกในเรื่องของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 13% จากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และลดลงกว่า 21% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่ SET ปรับตัวลดลงเพียง 5% จากสิ้นปี 2550 มองว่าปัจจัยลบที่มากระทบจะมาจากความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคน้ำมันในสหรัฐที่คาดว่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งกำลังการผลิตที่จะเข้ามาใหม่ของโรงกลั่น Reliance ในประเทศอินเดีย ขนาดกำลังการผลิตกว่า 580 KBD ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงครึ่งปีแรก

ฝ่ายวิจัยมองว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 22% จาก 225 KBD ในปี 2550 เป็น 275 KBD ในปี 2551 รวมทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตกว่าเท่าตัวของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (TPX) จะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ TOP ขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของค่าการกลั่นในช่วงของต้นปีนี้ จะทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปี 2551 ไม่น้อยกว่า 7 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ในปี 2550 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7.64 เหรียญต่อบาร์

ทิศทางของผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2551 จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติไม้น้อยกว่า ไตรมาส 4/2550 แม้ว่าโรงงาน TPX จะอยู่ระหว่างการหยุดเพื่อขยายกำลังการผลิต แต่กำลังการผลิตของโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้น 50 KBD หรือกว่า 22% จากปีก่อน ขณะที่การหยุดโรงงาน TPX บริษัทจะมีรายได้จากการขาย MX ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต PX ชดเชยรายได้ที่หายไปจากการหยุดโรงงาน TPX จึงยังให้น้ำหนักการลงทุนสำหรับ TOP โดยประเมินราคาที่เหมาะสมที่ 100 บาท ยืนคำแนะนำซื้อลงทุน

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ประเมินว่า แนวโน้มค่าการกลั่นในไตรมาส 2/2551 มีโอกาสปรับตัวสูงกว่าปัจจุบันที่แกว่งตัวที่ระดับ 10เหรียญสหรัฐได้ เนื่องจากความต้องการใช้นำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัวอย่าง จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2551 ผู้ประกอบการโรงกลั่นในเอเชียจะปิดโรงงานซ่อมบำรุงเครื่อง จึงส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก จากปริมาณที่ลดลง ซึ่งผู้ประกอบการในไทย เช่น TOP , PTTARไม่มีแผนการซ่อมบำรุงในช่วงนี้ จึงจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ TOP เพราะมองว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายค่อนข้างมาก และมองว่า TOP จะได้ประโยชน์จากการการปรับตัวของค่าการกลั่นในครั้งนี้สูงสุด เพราะเป็นโครงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดของไทย มีกำลังการผลิตอยู่ในระดับสูง และจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 22% เป็น 2.75 แสนลิตรต่อวันในไตรมาส 2/2551 รวมทั้งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

สำหรับ บล.กสิกรไทย ระบุว่าได้เริ่มการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (PTTCH) และกลุ่มโรงกลั่น (IRPC, PTTAR และ TOP) อีกครั้ง โดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนที่ระดับ Overweight ทั้งนี้แนวโน้มในระยะสั้นของทั้งสองกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงสดใสเนื่องจาก 1.ค่าการกลั่น (GRM) และส่วนต่างปิโตรเคมียังคงอยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีกในไตรมาส 2/51 เนื่องจากผู้ประกอบการมักปิดปรับปรุงโรงงานในช่วงดังกล่าวของปี และ 2. คาดว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จะเสร็จสิ้นลงในเดือนเมษายนนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us