|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ฟินันซ่าประกันชีวิตออกโรงแจงปัญหาสภาพคล่องหลัง คปภ.ขู่เล่นงาน “มนตรี แสงอุไรพร” ยืนยันสิ้นเดือน เม.ย.พันธมิตรพร้อมใส่เงิน 3 พันล้านบาท รักษาระดับเงินกองทุนทันตามกฎหมายกำหนดแน่นอน โวหลังกระบวนการเสร็จสิ้นจะเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ระบุแม้มีข่าวทางลบออกมาตลอดเวลาแต่ลูกค้ายังไว้วางใจทำประกันชีวิต 3 เดือนแรกยอดเบี้ยต่ออายุขยายตัวถึง 354 ล้านบาท
นายมนตรี แสงอุไรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบริษัทประกันภัย ประกันชีวิตที่ขาดสภาพคล่องจำนวน 5 บริษัทนั้น ทางบริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิตได้มีการตกลงขั้นสุดท้ายกับบริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุนแล้ว
ซึ่งจากการหารือกับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องนั้นได้ข้อสรุปแล้วว่าภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้จะพันธมิตรทางธุรกิจจะสามารถนำเงินจำนวน 3,000 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ทั้งนี้พันธมิตรรายดังกล่าวได้มีการเจรจามาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาและในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ทำหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรขอเวลาประเมินและตรวจสอบสินทรัพย์อย่างละเอียดก่อนที่จะใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้ทันสิ้นเดือนเมษายนนี้
“เชื่อว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนการที่บริษัทและพันธมิตรกำหนดไว้ในเบื้องต้น ซึ่งพันธมิตรได้ขอขยายระยะเวลาทำดิวดิลิเจนท์เป็นเวลา 120 วันโดยจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนเมษายนตามที่คปภ.กำหนดเส้นตายไว้และคงไม่มีปัญหาในเรื่องการเพิ่มทุนในครั้งนี้แต่อย่างใด” นายมนตรีกล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกรรมของฟินันซ่าประกันชีวิตในปัจจุบันยังคงเดินหน้าได้ตามปกติไม่มีการหยุดชะงักแต่อย่างใดแม้จะมีข่าวเรื่องปัญหาการขาดสภาพคล่องออกมาก็ตาม โดยธุรกรรมในส่วนของเบี้ยประกันแบบต่ออายุใน 3 เดือนแรกมีการรายงานตัวเลขออกมาว่าเบี้ยรับสูงถึง 354 ล้านบาท ขยายตัวถึง 7.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัท
ในขณะที่การเติบโตของเบี้ยประกันใหม่มีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาเบี้ยรับรวมของบริษัทอยู่ที่ 2,280 ล้านบาทขยายตัวถึง 10% เบี้ยรับใหม่ปีแรกอยู่ที่ 650 ล้านบาท ขยายตัว 30% และเบี้ยประเภทต่ออายุมียอด 1,630 ล้านบาท เติบโต 4% และในปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นระดับการเติบโตที่น่าพอใจ
“หลังจากที่เราสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้หมดสิ้นได้ภายในเดือนเมษายนนี้แล้วจะเป็นปีที่เราตั้งเป้าหมายการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพราะเมื่อปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้แล้วจะทำให้บริษัทดำเนินธุรกรรมโดยไม่มีความกังวลใดๆ อีกต่อไป ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความเชื่อมั่นในตัวบริษัทของลูกค้าจากอัตราการเติบโตของเบี้ยต่ออายุเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายมนตรีกล่าว
สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเพิ่มวงเงินสำหรับลดหย่อนภาษีจากการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตจาก 50,000 บาท เป็น 100,000 บาทต่อปีนั้น นายมนตรีกล่าวว่า จะสามารถกระตุ้นให้ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยในแง่ของผู้ประกอบการนั้นจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนที่ยังไม่มีการออมเงินในรูปแบบของกรมธรรม์ประกันชีวิตให้หันมาทำประกันชีวิตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการขยายกรมธรรม์จากเดิมที่ขายผ่านตัวแทนในระดับที่สูงถึง 90% ในปัจจุบันช่องทางตัวแทนอยู่ในระดับ 60% ในขณะที่ช่องทางการขายผ่านพันธมิตรและทางโทรศัพท์มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตเมื่อแผนงานทุกอย่างสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วบริษัทจะได้เจรจากับธนาคารพาณิชย์เพื่อขยายช่องทางการขายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
“ช่องทางขายผ่านทางตัวแทนยังถือว่าเป็นช่องทางหลักและมีความจำเป็นในการทำธุรกิจประกันชีวิต โดยจะเห็นได้จากเมื่อเรามีข่าวในทางลบออกมาอย่างต่อเนื่องแต่ตัวแทนขายยังมีสัมพันธภาพอันดีกับลูกค้าจึงทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและไว้วางในในการทำประกันชีวิตกับบริษัทต่อไป ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับช่องทางนี้เป็นหลักและพัฒนาช่องทางการขายอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย” นายมนตรีกล่าว
|
|
|
|
|