คลังเตรียมนัดถกเจ้าหนี้ - ลูกหนี้ทีพีไอ หารือตั้งบอร์ดบริหารแผนฟื้นฟูฯ สัปดาห์หน้า
มั่นใจ ไกล่เกลี่ยเรียบร้อยก่อนส่งรายชื่อให้ศาล 7 ก.ค. นี้ สุชาติเตรียมส่งชื่อบอร์ดฟื้นฟูฯ
ให้ทักษิณไฟเขียว ยันคลังส่งตัวแทนคนเดียว พร้อมจ้างที่ปรึกษาการเงิน ทั้งฝรั่ง-ไทย
ทำแผนฟื้นฟูฯ ใหม่ภายใน 90 วัน ระบุต้องเป็นที่ยอมรับได้ เป็นที่เชื่อถือของนักลงทุน
ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมให้กองทุนเสียบแทน เจ้าหนี้ที่ขอเงินกู้คืนขณะเดียวกัน
แต่ หากเจ้าหนี้ยังไม่พอใจอีก ก็พร้อมจะถอย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ศาล ขณะที่ขุนคลังรับลูกหมอมิ้ง
พร้อมตั้งกองทุนอุ้มหนี้บางจากฯ
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยแนวทางพิจารณารายชื่อคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท
อุตสาหกรรมเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) ว่าขณะนี้ เขารายชื่อคณะกรรมการแผนฯ แล้ว เหลือเพียงรอเสนอ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาเห็นชอบเท่านั้น เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการผ้บริหารแผนฯ
ขึ้นกับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ต้องรอคำตัดสินศาลล้มละลายกลาง 11 ก.ค. อีกครั้งว่า จะยอมรับรายชื่อเหล่านี้หรือไม่
รายชื่อคณะกรรมการผู้บริหารแผนฯ จะมาจาก ตัวแทนเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และรัฐบาล ซึ่งจะมาจากคณะกรรมการชุดเดิม
จากที่เสนอไว้
สัดส่วนเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และตัวแทนรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ส่วนกระทรวงการคลังจะ
เสนอชื่อเพียงคนเดียว
"ผมขอย้ำว่า คณะกรรมการผู้บริหารจะต้องปรองดองกัน เพื่อให้กิจการของบริษัทสามารถ
เดินหน้าได้ต่อไป" ร.อ.สุชาติกล่าว
ร.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่านายกิตติ ลิ่มสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง
กำลังเตรียมเสนอให้เรียกเจ้าหนี้-ลูกหนี้บริษัท อุสาหกรรมเคมีคัลไทย (ทีพีไอ)
หารือร่วมกันตั้ง คณะกรรมการผู้บริหารแผนฯ ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเขาคงต้องดูรายละเอียดก่อน
ทางด้านนายกิตติกล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ จะศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อเตรียมเสนอรัฐมนตรีคลังพิจารณาเรียกเจ้าหนี้-ลูกหนี้ทีพีไอหารือ
ร่วมกัน เพื่อตั้งคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ต้องคำนึงสิทธิเจ้าหนี้ ตามหลักการกฎหมายไทยต้องให้ความสำคัญเจ้าหนี้เป็นหลัก
ซึ่งกระทรวงการคลังยึดแนวทางยืดหยุ่นเจรจา เพื่อหาข้อยุติให้ได้ก่อน 7 ก.ค. ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง
ตัวแทนเจ้าหนี้มากกว่าลูกหนี้
"ความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าสัดส่วนเจ้าหนี้น่าจะมากกว่า เพราะเป็นสิทธิของเจ้าหนี้
โดยผมจะเสนอรัฐบาลให้เรียกเจ้าหนี้ และลูกหนี้ มาหารือกัน เพื่อพิจารณาและเลือกกรรมการบริหารแผนฯ
ซึ่งจะขยับปรับเปลี่ยน จนกว่าจะเป็นที่พอใจของทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้"
"หากเจ้าหนี้ไม่ยินยอม เราก็จะถอยออกมา และถือว่ากระทรวงการคลังหมดหน้าที่ในการเป็น
ตัวกลาง เนื่องจากถือว่าไม่ใช่หน้าที่โดยตรง คงต้องปล่อยให้ศาลพิจารณาต่อไป" นายกิตติกล่าว
นายกิตติกล่าวอีกว่า หลังจากได้คณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ แล้ว จะจ้างที่ปรึกษาการเงินที่เชี่ยวชาญพิเศษ
และเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ อาจเป็นที่ปรึกษาชาวต่างชาติ หรือคนไทยร่วมด้วย
ซึ่งเขายืนยันได้ว่า กลุ่มที่ปรึกษาการเงินนี้ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้
โดยคณะทำงานชุดนี้ จะทำแผนฟื้นฟูฯ ฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 90 วัน โดยจะประเมินโครงสร้างการ
เงิน ทิศทางดำเนินงาน ตลอดจนเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างเจ้าหนี้ ลูกหนี้ เพื่อหาข้อสรุปต่อไป
ใช้กองทุนเสียบแทนเจ้าหนี้
"ระหว่างนี้ หากคณะกรรมการเจ้าหนี้ไม่พอใจ หรือต้องการขอหนี้คืน ก็สามารถทำได้
ซึ่งจะให้ที่ปรึกษาการเงินหาแนวทางคืนหนี้ในราคาที่เหมาะสม โดยอาจมีการติดต่อกองทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในทีพีไอ
แทนเจ้าหนี้ที่ถอนตัว" นายกิตติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังยืนยันว่า จะไม่นำเงินกองทุนฟื้นฟูฯ 2 หรือกองทุนวายุภักษ์
ที่ตั้งขึ้น หรือเงินภาครัฐ ช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการ TPI จะเป็นเงินจากภาคเอกชนที่สนใจจะลงทุนใน
TPI เท่านั้น
รับลูกมิ้งตั้งกองทุนอุ้มหนี้บางจาก
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาบริษัทบางจากปิโตรเลียม
ที่ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เสนอรัฐบาลให้กระทรวงการคลังตั้งกองทุนเพื่อรับภาระหนี้บริษัท
บางจากฯ ที่ครบกำหนดชำระปีนี้ 6,000 ล้านบาท ว่าสามารถทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม
ต้องศึกษาในรายละเอียดก่อน และคงต้องหารือร่วมกันก่อน