Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มีนาคม 2551
การเมือง-ตปท.กดดันตลาดหุ้น             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยผันผวน หลังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยด้านการเมืองที่ร้อนแรง บวกกับสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังทรุดตัว ด้านโบรกเกอร์ หวังแรงหนุนจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะออกมาดี และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ช่วยผลักดันหุ้นกลุ่มแบงก์-พลังงาน พร้อมลุ้นแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยอาร์พี เพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ดีขึ้น ขณะที่สำนักงาน ก.ล.ต. ไฟเขียวเอสโซ่ขายไอพีโอ 773.33 ล้านหุ้น

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทั้งความคืบหน้าการพิจารณายุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ บวกกับปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการประกาศการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะไม่ดีนัก อาทิ ตัวเลขการจ้างงาน ดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคการบริการ อาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยอาจจะมีปัจจัยบวกจากการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยประกาศออกในช่วงครึ่งแรกของเดือนเมษายนนี้ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชน์น่าจะปรับตัวดี รวมทั้งราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอาจจะช่วยสนับสนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอย่างผันผวนตามปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ ประการแรก การประกาศตัวเลขดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หากตัวเลขออกมาขาดดุลเหมือนที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นได้

ประการที่ 2. แรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ ที่จะถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมีการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะสะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยมีตัวเลขที่สำคัญ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีภาคการผลิตกับดัชนีภาคการบริการของ ISM ยอดสั่งซื้อของโรงงาน และค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขต่างๆ จะออกมาไม่ดีนัก

และประการสุดท้าย ปัจจัยการเมืองในประเทศ ในวันที่ 2 เมษายนนี้ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะประชุมเพื่อพิจารณากรณียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย ว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาหรือไม่ และในวันที่ 3 เมษายนนี้ จะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีซุกหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ว่าอัยการพิเศษจะสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งคงทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อดูความชัดเจนก่อน รวมถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ และท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล

"ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้จะยังคงขึ้นลงผันผวน มีกรอบแนวรับที่ 810-815 จุด กรอบแนวต้านที่ 835-840 จุด แต่จะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและแบงก์ ที่คาดว่ากำไรกลุ่มแบงก์จะออกมาดี ขณะที่กลุ่มพลังงานจะได้ผลดีจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวสูงอยู่ จึงแนะนำให้ซื้อหุ้น SCB และ KBANK เพื่อรับเงินปันผลได้"

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากยังไม่มีประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงขึ้นลงแรงๆ โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคงเป็นการประชุมของ กกต.ในวันที่ 2 เมษายน เพื่อพิจารณาส่งเรื่องยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคต่อไป แต่คาดว่ายังไม่ได้ข้อสรุปและต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะเป็นประเด็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งที่สำคัญ คือ ตัวเลขการจ้างงานที่คาดว่าจะลดลง และในวันที่ 2 เมษายนนี้ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ กับสภาคองเกรส โดยต้องรอดูว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่

ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 810-830 จุด โดยครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวบวกได้เล็กน้อย โดยมีปัจจัยบวกมาจากผลประกอบการกลุ่มธนาคาร และดาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่วนช่วงครึ่งเดือนหลังตลาดหุ้นไทยคงจะทรงตัวหรือปรับลดลง เพราะขาดปัจจัยบวกที่ชัดเจน และตลาดอาจได้รับความกดดันจากผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาไม่ดี

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวถึง แนวโน้มทางเทคนิคตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดเหนือแนวต้านสำคัญ 820 จุดได้ แต่ตลอดทั้งสัปดาห์จะเคลื่อนไหวในลักษณะการแกว่งตัวเพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ฯ เช่น การประชุมของ กนง. ในวันที่ 9 เมษายน ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยกับสหรัฐฯ

ขณะเดียวกันยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศ และประเด็นความเสี่ยงทางการเมือง เนื่องจากอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุน ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 833 จุด โดยมีแนวรับที่ 820 จุด และแนวต้านที่ 833 จุด

ก.ล.ต.ไฟเขียวเอสโซ่ขาย773.33ล.หุ้น

รายงานจากสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า สำนักงานก.ล.ต.ได้มีการอนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัท เอสโซ่ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2551 หลังจากที่ยื่นไฟลิ่งมาตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2550 ทำให้บริษัทสามารถที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 773.33 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 4.93 บาท โดยการเสนอขายหุ้นครั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยภายในไตรมาส 2/51 นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us