Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 มีนาคม 2551
คลังชี้จีดีพีโต5.6%เงินเฟ้อพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
พรรณี สถาวโรดม
Economics




คลังขยับเป้าจีดีพีเพิ่มเป็น 5.6% หลังแนวโมเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวในทิศทางที่สดใสการใช้จ่ายภาครัฐดึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนตาม ด้านเงินเฟ้อไม่น้อยหน้าพุ่งกระฉูดถึง 4.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.0% เหตุต้นทุนสินค้าในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมัน เชื่อธปท.ถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกให้ลดดอกเบี้ยลง 3.0% ตามเฟดหนีส่วนต่างดอกเบี้ยสหรัฐ

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปี 2551 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 4.5-5.0% มาเป็น 5.6% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.0-6.0% โดยการปรับประมาณการณ์จีดีพีในครั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความสมดุลมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อนและการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น ตามนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่อุปสงค์ภายนอกประเทศมีแนวโน้มลดลงจากความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเศรษฐกิจปีนี้ เพิ่มขึ้นจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2550 ที่เติบโต 4.8% ต่อปี

ส่วนคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2551คาดว่าจะขยายตัว อยู่ที่ 4.3-4.8% หรือ เฉลี่ยอยู่ที่ 4.5% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4% และสูงกว่าปี 2550 ที่อยู่ที่ 2.2% ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาสินค้าในตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะขยายตัวอยู่ที่ 1.7-2.2% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 1.9%

ด้านการส่งออกในปี 2551 คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 12.5-14.5% หรือเฉลี่ย13.5% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 18.1% ในขณะที่การนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 24-26% หรือเฉลี่ย 25% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 9.6% ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยจะส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลประมาณ 1.4-3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ย 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดดุลหลังจากที่ในปี 2550 เกินดุลอยู่ที่ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากมีการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่การส่งออกมีการชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม ในด้านดุลบัญชีเดินสะพัดก็ยังเชื่อว่าจะเกินดุลได้ประมาณ 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.5% ของจีดีพี ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 6.1% ของจีดีพี

นางพรรณี กล่าวว่า สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2551 จะแข็งค่าขึ้นอยู่ที่31.25-31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่าขึ้นกว่าปี 2550 ที่อยู่ที่ 34.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแต่ถือเป็นการแข็งค่าเหมือนกันหมดตามเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง

ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ 90-95 เหรียญต่อบาร์เรล หรือเฉลี่ย ประมาณ 93 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 80-85 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งการประมาณการดังกล่าวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาน้ำมันในปัจจุบันแล้วซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 67.8 เหรียญต่อบาร์เรล

ทั้งนี้กระทรวงการคลังมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศยังมีทิศทางที่จะปรับตัวลดลงได้อีก โดยคาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.25%เนื่องจากสหรัฐอเมริกายังจะใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ จึงส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของไทยต้องปรับลดลงตาม

สำหรับภาวะเศรษฐกิจในเดือนก.พ. 2551 ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนภายในประเทศผ่านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในขณะที่การส่งออกยังขยายตัวได้ดี ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 5.4% สูงขึ้นจากเดือนม.ค. ที่อยู่ที่ 4.3% ก็ตาม ส่วนการส่งออกมีมูลค่า 13 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 16.4% ลดลงจากเดือนม.ค. ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 13.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 33.1% ซึ่งลดลงจากเดือนม.ค. ที่อยู่ที่ 14.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนก.พ. ขาดดุล 0.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการ 30% ไม่ได้มีผลต่อค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นอยู่ในปัจจุบันเนื่องจากปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้แทรกแซงค่าเงินบาทให้อยู่ที่ระดับ 31 บาท ได้ ซึ่งถือว่าแข็งค่าขึ้นอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศเดียวกันในภูมิภาคแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us