|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยรับอานิสงส์จากตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13 จุด โบรกเกอร์ แนะจับตาคำตัดสินคดียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตยวันนี้ ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ เผยตั้งแต่ต้นปีต่างชาติทิ้งหุ้นพลังงานแล้วเฉียดแสนล้านบาท
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 มี.ค.) ยังคงได้รับอานิสงส์จากปัจจัยหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 187 จุด โดยตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 822.58 จุด ต่ำสุด 808.88 จุด ก่อนจะปิดตลาดที่ 820.31 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 13.03 จุด คิดเป็น 1.61% มูลค่าการซื้อขายรวม 24,300.65 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,133.07 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,451.91 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,584.97 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 187 จุด หลังจากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐฯ ประจำเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.9% ทำให้คลายกังวลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ลดลง ประกอบกับการที่เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โคว์ ปรับเพิ่มราคาเข้าซื้อกิจการของ แบร์ สเติร์นส จากเดิม 2 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เป็น 10 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับหนี้เสียลดลง
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยด้านการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งหากคำตัดสินออกมาให้ยุบพรรคก็อาจจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ในแง่มุมมองที่นักลงทุนจะประเมินสถานการณ์การเมืองว่าไม่มีเสถียรภาพและการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะเกิดปัญหา
ในทางตรงกันข้ามหากผลคำตัดสินออกมาว่าไม่ยุบพรรค โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะบวกต่อเป็นวันที่ 3 ก่อนมีโอกาสสูง โดยคาดว่าในการซื้อขายช่วงเช้าดัชนีจะทรงตัว เพื่อรอดูผลคำตัดสินของกกต.ในช่วงบ่าย ซึ่งแนวต้านสำคัญที่ 823 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยบวกจากความกังวลที่ลดลงในสหรัฐฯ หลังผลประกอบการของสถาบันการเงินสหรัฐฯ แย่น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ประกอบกับเป็นช่วงปิดงบการเงินไตรมาส 1 จึงมีแรงซื้อเพื่อผลักดันราคาหุ้นเพื่อปิดงบไตรมาส 1 หรือการทำ Window Dressing ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีก 2-3 วัน
"วานนี้มีแรงเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามาหลังราคาหุ้นลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับบวกกว่า 14 จุด แต่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศถือว่าปรับตัวบวกน้อยกว่า เนื่องจากยังมีปัจจัยการเมืองที่ไม่ชัดเจนค่อยกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่"
ทั้งนี้ หากดัชนีเปิดการซื้อขายมาสามารถยืนเหนือ 820 จุดได้ มีโอกาสจะวิ่งขึ้นไปถึง 830 จุดได้ แต่หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 820 จุดได้ มีโอกาสที่จะร่วงลงมาที่ 810 จุด เช่นเดียวกันหากดัชนีเหนือ 820 จุด สามารถเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นได้ แต่หากดัชนีอยู่ต่ำกว่าให้ขายทำกำไร ส่วนปัจจัยในวันนี้ให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศเรื่องการเมืองเป็นสำคัญ กับการคำตัดสินของกกต.ที่จะส่งผลทั้งบวกและลบกับตลาดหุ้นไทย
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นวานนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน รวมถึงนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยโอกาสที่จะปรับลดลง ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้าในหุ้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่การปรับเพิ่มขึ้นคงไม่แรงเท่าวานนี้ เพราะยังมีปัจจัยการเมืองที่คอยกดดันจากการรอคำตัดสินของกกต.ในกรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะยาว ทยอยซื้อ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มแบงก์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่แนวต้าน 830 จุด โดยมีแนวรับที่ 810 จุด
ต่างชาติทิ้งหุ้นพลังงาน 9.5 หมื่นล.
นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่บล.ไทยพาณิชย์ เก็บรวบรวมข้อมูลจากหุ้นที่บริษัท cover ประมาณ 80% ของตลาด ปรากฏว่า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมานักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นพลังงานแล้ว 9.57 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดียวกันกลับไปซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์กว่า 4.50 หมื่นล้านบาท รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท
สำหรับการปรับตัวบวกของตลาดหุ้นไทยวานนี้ มองว่ามีปัจจัยหลักมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับตัวบวก ประกอบกับได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของรัฐบาล ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้การปรับตัวบวกของหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นไปได้อย่างจำกัด ทั้งนี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะอ่อนตัวลง โดยคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมา แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยอาจโยกไปที่หุ้นกลุ่มแบงก์แทน ประเมินแนวต้านที่ 822 จุด สังเกตปัจจัยการเมืองในประเทศ
|
|
 |
|
|