Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 มีนาคม 2551
ต่างชาติทิ้งพลังงานแสนล.             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยรับอานิสงส์จากตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13 จุด โบรกเกอร์ แนะจับตาคำตัดสินคดียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตยวันนี้ ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ เผยตั้งแต่ต้นปีต่างชาติทิ้งหุ้นพลังงานแล้วเฉียดแสนล้านบาท

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 มี.ค.) ยังคงได้รับอานิสงส์จากปัจจัยหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 187 จุด โดยตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 822.58 จุด ต่ำสุด 808.88 จุด ก่อนจะปิดตลาดที่ 820.31 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 13.03 จุด คิดเป็น 1.61% มูลค่าการซื้อขายรวม 24,300.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,133.07 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,451.91 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,584.97 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 187 จุด หลังจากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐฯ ประจำเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.9% ทำให้คลายกังวลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ลดลง ประกอบกับการที่เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โคว์ ปรับเพิ่มราคาเข้าซื้อกิจการของ แบร์ สเติร์นส จากเดิม 2 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เป็น 10 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับหนี้เสียลดลง

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยด้านการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งหากคำตัดสินออกมาให้ยุบพรรคก็อาจจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ในแง่มุมมองที่นักลงทุนจะประเมินสถานการณ์การเมืองว่าไม่มีเสถียรภาพและการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะเกิดปัญหา

ในทางตรงกันข้ามหากผลคำตัดสินออกมาว่าไม่ยุบพรรค โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะบวกต่อเป็นวันที่ 3 ก่อนมีโอกาสสูง โดยคาดว่าในการซื้อขายช่วงเช้าดัชนีจะทรงตัว เพื่อรอดูผลคำตัดสินของกกต.ในช่วงบ่าย ซึ่งแนวต้านสำคัญที่ 823 จุด

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยบวกจากความกังวลที่ลดลงในสหรัฐฯ หลังผลประกอบการของสถาบันการเงินสหรัฐฯ แย่น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ประกอบกับเป็นช่วงปิดงบการเงินไตรมาส 1 จึงมีแรงซื้อเพื่อผลักดันราคาหุ้นเพื่อปิดงบไตรมาส 1 หรือการทำ Window Dressing ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีก 2-3 วัน

"วานนี้มีแรงเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามาหลังราคาหุ้นลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับบวกกว่า 14 จุด แต่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศถือว่าปรับตัวบวกน้อยกว่า เนื่องจากยังมีปัจจัยการเมืองที่ไม่ชัดเจนค่อยกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่"

ทั้งนี้ หากดัชนีเปิดการซื้อขายมาสามารถยืนเหนือ 820 จุดได้ มีโอกาสจะวิ่งขึ้นไปถึง 830 จุดได้ แต่หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 820 จุดได้ มีโอกาสที่จะร่วงลงมาที่ 810 จุด เช่นเดียวกันหากดัชนีเหนือ 820 จุด สามารถเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นได้ แต่หากดัชนีอยู่ต่ำกว่าให้ขายทำกำไร ส่วนปัจจัยในวันนี้ให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศเรื่องการเมืองเป็นสำคัญ กับการคำตัดสินของกกต.ที่จะส่งผลทั้งบวกและลบกับตลาดหุ้นไทย

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นวานนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน รวมถึงนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยโอกาสที่จะปรับลดลง ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้าในหุ้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่การปรับเพิ่มขึ้นคงไม่แรงเท่าวานนี้ เพราะยังมีปัจจัยการเมืองที่คอยกดดันจากการรอคำตัดสินของกกต.ในกรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะยาว ทยอยซื้อ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มแบงก์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่แนวต้าน 830 จุด โดยมีแนวรับที่ 810 จุด

ต่างชาติทิ้งหุ้นพลังงาน 9.5 หมื่นล.

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่บล.ไทยพาณิชย์ เก็บรวบรวมข้อมูลจากหุ้นที่บริษัท cover ประมาณ 80% ของตลาด ปรากฏว่า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมานักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นพลังงานแล้ว 9.57 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดียวกันกลับไปซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์กว่า 4.50 หมื่นล้านบาท รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท

สำหรับการปรับตัวบวกของตลาดหุ้นไทยวานนี้ มองว่ามีปัจจัยหลักมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับตัวบวก ประกอบกับได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของรัฐบาล ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้การปรับตัวบวกของหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นไปได้อย่างจำกัด ทั้งนี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะอ่อนตัวลง โดยคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมา แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยอาจโยกไปที่หุ้นกลุ่มแบงก์แทน ประเมินแนวต้านที่ 822 จุด สังเกตปัจจัยการเมืองในประเทศ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us